เคล็ดลับ 4 ข้อที่พ่อแม่ควรสอนลูก เพื่อไม่ให้แพนิคเมื่อเข้าห้องสอบ
หน้าแรกTeeNee แม่จ๋าและลูกน้อย เคล็ดลับวิธีเลี้ยงลูก เคล็ดลับ 4 ข้อที่พ่อแม่ควรสอนลูก เพื่อไม่ให้แพนิคเมื่อเข้าห้องสอบ
ถึงแม้ว่าจะผ่านการสอบมาหลายต่อหลายครั้ง อาการแพนิคเมื่อเข้าห้องสอบก็เกิดขึ้นได้เสมอ ยิ่งการสอบนั้นใหญ่และส่งผลต่ออนาคตมากแค่ไหน ก็ยิ่งวิตกกังวลมากขึ้นเท่านั้น มีเคล็ดลับ 4 ข้อที่พ่อแม่สามารถนำไปสอนลูก เพื่อให้นำไปใช้เวลาลงสนามจริงได้
1. เลือกทำข้อที่ง่ายก่อน
เมื่อไปถามเคล็ดลับการทำข้อสอบจากเด็กที่ทำคะแนนได้ดี สิ่งแรกคือการเลือกทำข้อง่ายๆ ที่ตัวเองรู้คำตอบก่อน ซึ่งในปัจจุบันหลายๆคนก็ใช้วิธีนี้ ดังนั้นสิ่งสำคัญที่ควรสอนลูกอีกอย่างหนึ่งคือ เราต้องไม่ตระหนกหรือเสียขวัญเวลาที่เพื่อนๆในห้องสอบพลิกเปลี่ยนหน้ากระดาษไวกว่าตัวเอง เพราะมันไม่ได้หมายความว่าพวกเขาทำข้อสอบทั้งหน้าเสร็จแล้ว แต่พวกเขาแค่กำลังเลือกทำข้อที่พวกเขาทำได้ก่อนต่างหาก
2. อย่ากังวลและใช้เวลานานเกินไปกับคำถามข้อที่ยาก
เมื่อเราเลือกทำข้อสอบที่ง่ายจนหมดแล้ว ทีนี้ก็จะเหลือแต่ข้อที่ไม่แน่ใจในคำตอบ หรือไม่รู้คำตอบ ซึ่งเด็กก็จะมีอยู่ 2 ประเภท คือ กลุ่มแรกจะเลือกเดาข้อที่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุด แล้วไปทำข้อต่อไป ในขณะที่เด็กอีกกลุ่มกลับไม่สามารถละไปจากคำถามข้อนั้นได้ ทำให้เสียเวลากับคำถามข้อหนึ่งนานจนเกินไป วิธีแก้ง่ายๆ คือการสอนลูกให้รู้จักการถอยออกมาบ้างเวลาเจอข้อที่ยากเกินความสามารถ เพราะเพื่อนๆ ก็ไม่ได้รู้คำตอบทุกข้อเหมือนกัน
3. เตือนความจำถึงความสำเร็จที่ผ่านมา
การใช้ความทรงจำที่มีผลลัพธ์ที่ดี จะช่วยให้เด็กลดความตึงเครียดและวิตกกังวลลงไปได้ เช่น การเตือนความจำการสอบที่ผ่านมา ว่าที่กังวลเรื่องผลสอบ แต่สุดท้ายผลออกมากลับได้คะแนนดี เป็นต้น หรืออาจจะเป็นการเตือนความจำอะไรก็ได้ที่ไม่จำเป็นต้องเกี่ยวกับเรื่องเรียนเสมอไป แต่เน้นไปที่ผลลัพธ์สุดท้ายที่เด็กประสบความสำเร็จ
4. "ดมดอกไม้แล้วเป่าเทียน"
พ่อแม่หลายคนอาจจะเคยสอนลูกให้หายใจลึกๆ เวลาเข้าห้องสอบ แต่ดูเหมือนว่าจะกลับกลายเป็นหายใจถี่ขึ้น ดังนั้นการสอนโดยใช้เทคนิคที่เรียกว่า "ดมดอกไม้ แล้วเป่าเทียน" โดยให้หายใจเข้าลึกๆ ทางจมูกเหมือนกำลังดมดอกไม้ และหายใจออกทางปากเหมือนกำลังเป่าเทียน นอกจากจะช่วยลดความกังวลแล้ว ยังทำให้เด็กสงบมีสมาธิในการทำข้อสอบได้อีกด้วย
1. เลือกทำข้อที่ง่ายก่อน
เมื่อไปถามเคล็ดลับการทำข้อสอบจากเด็กที่ทำคะแนนได้ดี สิ่งแรกคือการเลือกทำข้อง่ายๆ ที่ตัวเองรู้คำตอบก่อน ซึ่งในปัจจุบันหลายๆคนก็ใช้วิธีนี้ ดังนั้นสิ่งสำคัญที่ควรสอนลูกอีกอย่างหนึ่งคือ เราต้องไม่ตระหนกหรือเสียขวัญเวลาที่เพื่อนๆในห้องสอบพลิกเปลี่ยนหน้ากระดาษไวกว่าตัวเอง เพราะมันไม่ได้หมายความว่าพวกเขาทำข้อสอบทั้งหน้าเสร็จแล้ว แต่พวกเขาแค่กำลังเลือกทำข้อที่พวกเขาทำได้ก่อนต่างหาก
2. อย่ากังวลและใช้เวลานานเกินไปกับคำถามข้อที่ยาก
เมื่อเราเลือกทำข้อสอบที่ง่ายจนหมดแล้ว ทีนี้ก็จะเหลือแต่ข้อที่ไม่แน่ใจในคำตอบ หรือไม่รู้คำตอบ ซึ่งเด็กก็จะมีอยู่ 2 ประเภท คือ กลุ่มแรกจะเลือกเดาข้อที่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุด แล้วไปทำข้อต่อไป ในขณะที่เด็กอีกกลุ่มกลับไม่สามารถละไปจากคำถามข้อนั้นได้ ทำให้เสียเวลากับคำถามข้อหนึ่งนานจนเกินไป วิธีแก้ง่ายๆ คือการสอนลูกให้รู้จักการถอยออกมาบ้างเวลาเจอข้อที่ยากเกินความสามารถ เพราะเพื่อนๆ ก็ไม่ได้รู้คำตอบทุกข้อเหมือนกัน
3. เตือนความจำถึงความสำเร็จที่ผ่านมา
การใช้ความทรงจำที่มีผลลัพธ์ที่ดี จะช่วยให้เด็กลดความตึงเครียดและวิตกกังวลลงไปได้ เช่น การเตือนความจำการสอบที่ผ่านมา ว่าที่กังวลเรื่องผลสอบ แต่สุดท้ายผลออกมากลับได้คะแนนดี เป็นต้น หรืออาจจะเป็นการเตือนความจำอะไรก็ได้ที่ไม่จำเป็นต้องเกี่ยวกับเรื่องเรียนเสมอไป แต่เน้นไปที่ผลลัพธ์สุดท้ายที่เด็กประสบความสำเร็จ
4. "ดมดอกไม้แล้วเป่าเทียน"
พ่อแม่หลายคนอาจจะเคยสอนลูกให้หายใจลึกๆ เวลาเข้าห้องสอบ แต่ดูเหมือนว่าจะกลับกลายเป็นหายใจถี่ขึ้น ดังนั้นการสอนโดยใช้เทคนิคที่เรียกว่า "ดมดอกไม้ แล้วเป่าเทียน" โดยให้หายใจเข้าลึกๆ ทางจมูกเหมือนกำลังดมดอกไม้ และหายใจออกทางปากเหมือนกำลังเป่าเทียน นอกจากจะช่วยลดความกังวลแล้ว ยังทำให้เด็กสงบมีสมาธิในการทำข้อสอบได้อีกด้วย
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!" ประกาศ "
ร่วมแสดงความคิดเห็น