5 วิธีการแก้อาการท้องผูกในหญิงตั้งครรภ์

5 วิธีการแก้อาการท้องผูกในหญิงตั้งครรภ์

ท้องผูกสามารถเกิดขึ้นได้กับคุณแม่ที่อยู่ในช่วงตั้งครรภ์ทุกคน อาการท้องผูกระหว่างตั้งครรภ์ไม่ส่งผลอันตรายต่อคุณแม่และเด็กในครรภ์แต่อย่างใด แต่ก็อาจส่งผลอันตรายบ่งบอกปัญหาอื่นๆ เช่น ปวดท้อง อาหารไม่ย่อย กรดไหลย้อน หรืออาจกลายเป็นริดสีดวงทวารหนักได้ วันนี้เรามี วิธีการแก้อาการท้องผูกในหญิงตั้งครรภ์ มาแนะนำสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ ถ้าพร้อมแล้วมาดูกันเลยดีกว่า

1.ทานอาหารมื้อเล็กๆ

คุณแม่ตั้งครรภ์ส่วนใหญ่ที่ประสบปัญหาท้องผูก ลองหันมารับประทานอาหารมื้อเล็กๆ เนื่องจากทานอาหารมื้อใหญ่จะทำให้กระเพาะทำงานหนัก และระบบย่อยก็ทำงานหนักขึ้นด้วย คุณแม่ควรแบ่งอาหารออกเป็นมื้อย่อยๆ จากที่เคยทานอาหาร 3 มื้อลองแบ่งเป็น5 - 6 มื้อเพื่อจัดการกับอาการท้องผูก ทั้งยังช่วยให้กระเพาะอาหารลำเลียงอาหารไปยังลำไส้ได้ดีขึ้น ไม่ควรใช้ ยาแก้ท้องผูก อย่างเด็ดขาดเพราะจะเป็นอันตรายต่อคุณแม่และลูกน้อยในครรภ์

2.ทานอาหารที่มีกากใยเพิ่มขึ้น

อาหารที่มีกากใยสูงจะช่วยป้องกันอาการท้องผูกได้ และยังช่วยให้คุณแม่ระหว่างตั้งครรภ์ได้รับวิตามินแร่ธาตุเพิ่มมากขึ้น คุณแม่ตั้งครรภ์ควรได้รับกากใยอาหารปริมาณ 25 - 30 กรัมต่อวัน เพื่อส่งเสริมสุขภาพที่แข็งแรงและช่วยป้องกันอาการท้องผูกระหว่างตั้งครรภ์

3.ดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอ

วิธีการแก้อาการท้องผูกในหญิงตั้งครรภ์ ที่ได้ผลมากที่สุดก็คือการดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอ และยิ่งเป็นช่วงที่ตั้งครรภ์ คุณแม่ควรดื่มน้ำให้มากกว่าปกติถึง 2 เท่าจะช่วยให้อุจจาระนิ่มขึ้นและสามารถเคลื่อนตัวผ่านระบบขับถ่ายได้ดีขึ้น

4.ผ่อนคลายกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน

ในระหว่างการขับถ่ายคุณแม่ควรหายใจเข้าลึกๆ และหายใจออกยาวๆ เพื่อให้กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานได้ผ่อนคลาย แต่อย่างให้ตึงจนเกินไป และในขณะที่นั่งควรจิกปลายเท้าเพื่อยกเข่าให้สูงขึ้น หรือจะใช้เก้าอีกเตี้ยมาวางที่เท้าเพื่อยกเข่าให้สูงขึ้น โดยคุณแม่จะอยู่ในท่าสควอท ซึ่งเป็นท่าที่ดีในการนั่งขับถ่ายถือเป็น วิธีการแก้อาการท้องผูกในหญิงตั้งครรภ์ ได้ดี

5.ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

อีกหนึ่ง วิธีแก้อาการท้องผูกในหญิงตั้งครรภ์ ได้ดีนั้นก็คือการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ จะสามารถลดอาการท้องผูกในคุณแม่ตั้งครรภ์ได้ เนื่องจากว่าการออกกำลังกายเป็นการกระตุ้นลำไส้ได้ดี แต่คุณแม่ควรปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับท่าออกกำลังกายที่เหมาะสมสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ เพื่อความปลอดภัยของคุณแม่และลูกน้อย