ตามปกติแล้วคนท้องต้องบำรุงครรภ์ด้วยการรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ รวมถึงวิตามินหรือสารอาหาร ได้แก่ ธาตุเหล็ก แคลเซียม และโฟเลต เพื่อเสริมสร้างกระดูก ฟัน และสมองแก่ทารกในครรภ์ แล้วถ้าเป็นยาสตรีบำรุง บางคนกินยาสตรีบำรุงไปแล้วแต่ไม่ทราบว่าตนเองกำลังตั้งครรภ์ หรือตั้งครรภ์แล้วแต่กินยาสตรีบำรุงอยู่ จะเสี่ยงแท้งหรือไม่ หรือมีผลกระทบอะไรต่อทารกในครรภ์ เรามีคำตอบ
ยาสตรีบำรุง
ยาสตรีบำรุง คือ ยาที่อยู่ในกลุ่มยาแผนโบราณชนิดหนึ่งที่มีตัวยาสมุนไพร เช่น ขิง ไพล พริกไทย เทียนดำ เทียนแดง อบเชย โกฐ หัวบัว โกศเชียง (ตังกุย) บางตำรับก็มีว่านชักมดลูกร่วมกับมีแอลกอฮอล์เป็นสารสกัดตัวยา ใช้ในสตรีเพื่อให้ช่วยฟอกเลือด ขับประจำเดือน บำรุงเลือด
ยาสตรีบำรุงแบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ
ยาบำรุงเลือด ยาชนิดนี้จะไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์เลย สรรพคุณที่สำคัญ คือ เพื่อช่วยบำรุงร่างกาย กินแล้วเลือดลมดี เจริญอาหาร ส่งผลให้ผู้รับประทานมีน้ำหนักเพิ่มขึ้น ผิวพรรณดีมีน้ำมีนวล
ยาขับเลือด สำหรับยาขับเลือด ยาชนิดนี้จะมีส่วนผสมระหว่างสมุนไพรกับแอลกอฮอล์ มีสรรพคุณในการขับเลือดออกจากร่างกาย สำหรับผู้หญิงที่ประจำเดือนมาไม่ปกติ ยาชนิดนี้ข้างกล่องหรือขวดจะมีข้อความระบุไว้ว่า“สตรีตั้งครรภ์ห้ามรับประทาน”
ทำไมผู้หญิงประจำเดือนมาไม่ปกติถึงกินยาสตรีบำรุง
เนื่องจากยา สมุนไพรที่อยู่ในยาสตรี พวกตังกุย ว่านชักมดลูก จะมีสารไฟโตเอสโตรเจน(PHYTOESTROGEN) ซึ่งตามปกติ ผู้หญิงทุกคนจะมีฮอร์โมนเอสโตรเจนอยู่แล้ว แต่อาจจะเสียสมดุลไปในบางครั้ง เมื่อได้ยาเข้าไปเสริมอาจจะช่วยให้เกิดความสมดุล ทำให้รอบเดือนปกติขึ้นและสุขภาพโดยรวมของผู้หญิงให้ดีขึ้นนั่นเอง
เสี่ยงแท้งหรือไม่ คนท้องกินยาสตรีบำรุง
นายแพทย์สันติสุข โสภณศิริ แพทย์แผนไทยประจำคลีนิคการแพทย์แผนไทยมูลนิธิสุขภาพไทย ให้ข้อมูลเกี่ยวกับยาสตรีบำรุง สรุปได้ดังนี้
1. ยาสตรีบำรุง แบ่งออกเป็นยาบำรุงเลือดและยาขับเลือดซึ่งไม่ใช่ยาชนิดเดียวกัน
2. ยาขับเลือดจะมีส่วนผสมระหว่างสมุนไพรกับแอลกอฮอล์ มีสรรพคุณในการขับเลือดออกจากร่างกาย สำหรับผู้หญิงที่ประจำเดือนมาไม่ปกติ ที่สำคัญยาชนิดนี้ข้างกล่องหรือขวด จะมีข้อความระบุชัดเจนว่า คนท้องห้ามรับประทาน ซึ่งข้อห้ามก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นยาขับเลือด หญิงตั้งครรภ์กินไม่ได้ อาจส่งผลเสียต่อทารกในครรภ์
3. ยาบำรุงเลือดจะไม่มีส่วนผสมของแฮลกอฮอล์เลย มีสรรพคุณในการบำรุงร่างกาย กินแล้วเลือดลมดี เจริญอาหาร
4. สำหรับยาสตรีบำรุงเมื่อรับประทานเข้าไป จึงไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายเว้นแต่รับประทานเข้าไปมาก เช่น แม่ตั้งครรภ์รับประทานยาขับเลือดเข้าไปในปริมาณไม่มากก็อาจไม่มีผลทำให้แท้งหรือเด็กในท้องพิการ แต่ถ้ารับประทานเข้าไปมากและเป็นระยะเวลานานโอกาสแท้งก็มีสูง เพื่อความปลอดภัยคนที่ไม่แน่ใจว่าที่ประจำเดือนตัวเองไม่มานั้นอาจจะเป็นเพราะตั้งครรภ์ไม่ควรจะรับประทานเป็นดีที่สุด หรือหากรับประทานไปแล้วควรจะไปปรึกษาแพทย์เพื่อความปลอดภัย
ข้อควรรู้
เภสัชกรประดิษฐ์ งามศิริผล ได้ให้ความรู้เกี่ยวกับยาสตรี ดังนี้
1. ทำให้ติดได้ ยาสตรีบำรุงที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์นั้น หากรับประทานไปนาน ๆ อาจเกิดอาการติดได้ เช่นเดียวกับการทานเหล้า เพราะจริง ๆ แล้วหากพูดภาษาชาวบ้านยาชนิดนี้ไม่แตกต่างจากยาดอง ดังนั้น เพื่อความปลอดภัย ควรกินในปริมาณที่เหมาะสม
2. ยาสตรีไม่ใช่ยาสำหรับทำแท้ง เนื่องจากยาสำหรับสตรีส่วนมากจะมีตัวยาที่มีรสร้อนตามศาสตร์ของยาแผนไทย เช่น ขิง ดีปลี พริกไทย และบางตำรับก็อาจมีหัวเหล้าในสูตรตำรับด้วยเล็กน้อย จึงมักมีข้อควรระวังไม่ให้ใช้สำหรับหญิงตั้งครรภ์ทำให้มีบางคนเข้าใจว่ายาเหล่านี้เป็นยาทำให้แท้ง (การแท้งบุตร) หรือใช้เป็นยาขับลูก และนำไปใช้ในทางที่ผิด ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ไม่ถูกต้อง ถึงแม้จะมีอาการบีบรัดของมดลูกหรือมีเลือดไหลออกมาก็ตาม แต่นั่นเป็นผลข้างเคียงของยาชนิดนี้เท่านั้น และอาจเกิดอันตรายต่อแม่และทารกในครรภ์อีกด้วย
3. ตั้งครรภ์แล้วไม่ควรรับประทานยาสตรีบำรุง หากแม่ท้องหากรับประทานยาสตรีเข้าไปมาก เช่น รับประทานเป็นขวดหรือหลายขวด อาจเป็นอันตรายถึงทำให้ทารกในครรภ์พิการได้
การบำรุงร่างกายของคนท้องมีอาหารมากมายให้รับประทาน ดื่มนม รับประทานผักผลไม้ และอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่ เป็นสิ่งดีและปลอดภัย ไม่จำเป็นต้องใช้ยาสตรีมาบำรุงเลือดลม เพราะอาจทำให้ลูกในครรภ์ของคุณเกิดความผิดปกติได้ โดยเฉพาะในครรภ์ที่มีอายุเดือนมากๆ
ฝากเตือน
เภสัชกรประดิษฐ์ งามศิริผล กล่าวว่า ผู้หญิงที่ไม่ได้ตั้งครรภ์หากรับประทานยาสตรีบำรุงแล้วไม่มีอาการแพ้ยา หรือผิดปกติใด ๆ ก็สามารถรับประทานได้ แต่ไม่แนะนำให้รับประทานติดต่อกันเป็นเวลานานๆ เช่น 3 เดือน 6 เดือน เนื่องจากมีแอลกอฮอล์เป็นส่วนผสม จึงอาจเป็นอันตรายต่อตับได้ แต่ยาดังกล่าวอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิด ถุงน้ำ (Cyst) ที่รังไข่ หรือ ที่เต้านมได้ และที่สำคัญฝากเตือนสำหรับผู้ที่คิดจะใช้ยาสตรีในการทำแท้งเพื่อขับลูก ยาชนิดนี้ไม่สามารถขับทารกออกจากครรภ์/ร่างกายได้ และจะยิ่งเป็นอันตรายอย่างมากสำหรับผู้ใช้ ควรอ่านคำเตือนในฉลากยาและต้องใช้ยาสตรีเหล่านี้อย่างระมัดระวัง
เมื่อทราบข้อมูลเช่นนี้แล้ว การดูแลสุขภาพร่างกายให้สมบูรณ์ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และดูแลสุขภาพจิตใจอย่าให้เครียด เมื่อสุขภาพกายและสุขภาพใจแข็งแรง เราก็ไม่จำเป็นต้องต้องพึ่งพายาบำรุงใด ๆ เป็นสิ่งที่ดีที่สุดค่ะ
อ้างอิงข้อมูลจาก