ครรภ์เป็นพิษห้ามกินอะไร?
เมื่อคุณแม่ทราบว่าตนเองตั้งครรภ์ก็ต้องมีการดูแลตนเองอย่างเต็มที่เพื่อการเจริญเติบโตที่สมบูรณ์ของลูกน้อยในครรภ์ รวมถึงสุขภาพที่ดีของคุณแม่ด้วย แต่ก็มักมีอาการที่เกิดขึ้นในคนท้องซึ่งเป็นภาวะแทรกซ้อนที่สามารถพบได้ค่อนข้างบ่อยในคุณแม่ตั้งครรภ์โดยพบมากถึง 4% ในคุณแม่ตั้งครรภ์ทั่วทั้งโลกและใน 4% นั้นจะพบอาการที่รุนแรงถึง 0.80% ก็คือ ภาวะครรภ์เป็นพิษ ซึ่งในบทความนี้เราจะขอพาคุณแม่ตั้งครรภ์ไปพบดูกันว่า ครรภ์เป็นพิษห้ามกินอะไร รวมอาหารที่ควรเลี่ยง เพราะจะทำให้อาการแย่ลง
ครรภ์เป็นพิษห้ามกินอะไร มาเช็กกันเลย
ภาวะครรภ์เป็นพิษเป็นภาวะแทรกซ้อนที่เกิดในคุณแม่ในช่วงที่ตั้งครรภ์ตั้งแต่ 20 สัปดาห์ขึ้นไป หรือ ช่วงหลังคลอด 48 ชั่วโมง ช่วงเวลาดังกล่าวจึงเป็นช่วงเวลาที่ผู้เกี่ยวข้องรวมถึงตัวของคุณแม่เองต้องเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษ โดยภาวะดังกล่าวนี้ยังคงมีสาเหตุไม่แน่ชัดบ้างก็เกิดจากการที่เกิดการหดตัวอย่างผิดปกติแล้วหลั่งสารเคมีออกมาทำให้ชีวเคมีในร่างกายของคุณแม่เสียสมดุล บางกรณีก็เกิดจากการฝังตัวของไข่บริเวณผนังมดลูกที่ไม่แน่นตั้งแต่ต้นทำให้สมดุลเคมีในร่างกายคุณแม่ผิดปกติ หรือบางกรณีก็เกิดจากการที่มีไข่ขาวหรือโปรตีนรั่วออกมาปะปนกับปัสสาวะของคุณแม่ ซึ่งคุณแม่เองก็สามารถดูแลตนเองเมื่อตกอยู่ในภาวะครรภ์เป็นพิษได้ด้วยโภชนาการทั้งการทานหรือการหลีกเลี่ยงอาหารในบางประเภท ในส่วนของภาวะครรภ์เป็นพิษห้ามกินอะไรนั้นเราได้รวบรวมมาให้คุณแม่ตั้งครรภ์แล้วดังนี้
1.เครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของ Alcohol จัดอยู่ในลิสต์อันดับต้น ๆ ของภาวะครรภ์เป็นพิษห้ามกินอะไรกันเลย เพราะการดื่ม Alcohol ของคุณแม่แม้เพียงน้อยนิดก็จะส่งผลต่อการเจริญเติบโตของลูกน้อยในครรภ์ได้ และไม่เพียงแต่คุณแม่ที่มีครรภ์เป็นพิษเท่านั้นที่ไม่ควรดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของ Alcohol แต่ยังรวมถึงคุณแม่ที่ตั้งครรภ์ปกติด้วย
2.เครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของคาเฟอีน เรียกว่าเป็นลิสต์รายการของภาวะครรภ์เป็นพิษห้ามกินอะไรที่คู่คี่สูสีกับอันดับแรกเลย เพราะคาเฟอีนที่คุณแม่ดื่มเข้าไปจะไปทำให้ครรภ์เป็นพิษที่เป็นอยู่แย่ลงได้ นอกจากนี้คาเฟอีนก็ยังมีผลต่อการทำงานของตับในลูกน้อยอีกด้วย
3.หลีกเลี่ยงการบริโภคไข่ดิบไม่ว่าจะเป็นส่วนของอาหารอย่างไข่ดาวหรือไข่ลวก รวมไปถึงเครื่องปรุงที่ใช้ไข่ดิบเป็นองค์ประกอบอย่างน้ำสลัดบางประเภทหรือมายองเนส เพราะในไข่ดิบจะมีเชื้อ Salmonella อยู่ในปริมาณสูง โดยเชื้อดังกล่าวนี้จะทำให้คุณแม่มีอาการปวดมวนท้อง ปวดท้องแบบบิด ท้องเสีย รวมถึงอาเจียนร่วมด้วย ซึ่งอาการดังกล่าวที่ปรากฎในคุณแม่ก็จะส่งผลต่อลูกน้อยในครรภ์ด้วยเช่นกัน
3.ชีสที่ไม่ผ่านการฆ่าเชื้อ หรือก็คือ Gorgonzola, Camembert หรือ Blue Cheese ที่จะมีการปะปนของเชื้อ Listeria ซึ่งเป็นเชื้อที่สามารถเจริญเติบโตได้ดีแม้ในสภาวะอากาศเย็น แถมเป็นเชื้อที่สามารถสร้างสปอร์ได้อีกด้วย เชื้อดังกล่าวจึงนับเป็นเชื้อที่ก่อให้เกิดความอันตรายแก่คุณแม่ตั้งครรภ์ได้ถึงขั้นแท้งเลย ดังนั้นหากมีคำถามว่าครรภ์เป็นพิษห้ามกินอะไร ชีสที่ไม่ผ่านการฆ่าเชื้อก็เป็นอาหารที่ติด Top Ten List อย่างแน่นอน
4.อาหารแปรรูปอย่างพวกไส้กรอก แฮม แหนม หมูยอ หรือแม้แต่ปลาร้าที่มีส่วนผสมของโซเดียมในปริมาณที่สูง ซึ่งโซเดียมนี้จะมีผลต่อสมดุลของชีวเคมีภายในร่างกายของคุณแม่ตั้งครรภ์นำไปสู่อาการครรภ์เป็นพิษที่รุนแรงเพิ่มมากขึ้นได้
การดูแลสุขภาพเมื่อครรภ์เป็นพิษ
เมื่อคุณแม่ทราบว่าตนมีครรภ์เป็นพิษและทราบแล้วว่าครรภ์เป็นพิษห้ามกินอะไร คุณแม่ก็ควรดูแลตนเองตามวิธีดังต่อไปนี้ร่วมด้วยคือ
*ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อเข้ารับการประเมินระดับอาการว่ารุนแรงในระดับใด โดยหากภาวะดังกล่าวรุนแรงไม่มาก คุณแม่ก็จะสามารถกลับไปพักผ่อนที่บ้านได้เพียงแต่ต้องมาดูอาการตามที่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญนัดเป็นระยะ ๆ เท่านั้น แต่หากมีอาการรุนแรงคุณแม่ก็ต้องนอนโรงพยาบาลเพื่อเฝ้าติดตามอาการอย่างใกล้ชิดต่อไป
*คุณแม่ต้องทำจิตใจให้สบายไม่วิตกกังวล แต่ก็เฝ้าระวังสุขภาพและการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นของร่างกาย
*คุณแม่ควรดูแลส่วนของโภชนาการทั้งอาหารที่ควรหลีกเลี่ยงและอาหารที่ควรรับประทาน รวมไปถึงปริมาณของอาหารที่รับประทานเข้าไปต้องเพียงพอต่อความต้องการของร่างกายคุณแม่ตั้งครรภ์ด้วย
คุณแม่ตั้งครรภ์ทุกท่านคงจะพบกับการเปลี่ยนแปลงที่หลากหลายทั้งส่วนของจิตใจและส่วนของร่างกายเมื่อเกิดการตั้งครรภ์ และยังมีอาการไม่พึงประสงค์หรือภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ที่อาจเกิดอันตรายทั้งต่อตัวลูกน้อยในครรภ์และต่อตัวคุณแม่เองได้ด้วย และอาการไม่พึงประสงค์หรือภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ นี้ก็สามารถเกิดได้กับคุณแม่ทุกท่าน ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันหรือลดอาการตื่นตระหนกของคุณแม่เองรวมถึงคนรอบข้างคุณแม่ คุณแม่ก็ควรศึกษาส่วนของอาการที่อาจเกิดขึ้นเหล่านี้เอาไว้ รวมถึงครรภ์เป็นพิษห้ามกินอะไรจากที่กล่าวไปในบทความข้างต้น เพื่อให้การตั้งครรภ์ของคุณแม่เป็นการตั้งครรภ์ที่ปลอดภัยและมีสุขภาพที่สมบูรณ์ทั้งลูกน้อยในครรภ์และตัวของคุณแม่เอง
เครดิตแหล่งข้อมูล :maerakluke
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!