คุณแม่ต้องรู้! ลูกดิ้นแบบไหนอันตราย
คุณแม่ตั้งครรภ์ควรหมั่นสังเกตการดิ้นของลูกเป็นประจำ เพราะยิ่งผ่านช่วงไตรมาส 2 ไปแล้ว ทารกในครรภ์จะยิ่งดิ้นบ่อยขึ้นและลูกดิ้นก็เป็นสิ่งที่ทำให้คุณแม่จะได้รู้ว่าลูกยังปลอดภัย และแข็งแรงดีอยู่ จึงไม่ควรนิ่งนอนใจ เพราะหากเกิดความผิดปกติอะไรจะได้ไปพบแพทย์ได้ทันท่วงที และเพื่อให้คุณแม่ได้สังเกตความผิดปกติได้ง่ายขึ้น วันนี้เราจะมาแชร์ประสบการณ์ ลูกดิ้นแบบไหนอันตราย ให้คุณแม่ได้ทราบ จะได้คอยระวังในระหว่างของการตั้งครรภ์จนกว่าจะคลอดออกมาอย่างปลอดภัยทั้งคุณแม่และลูกน้อยในครรภ์
สัญญาณเตือน ลูกดิ้นแบบไหนอันตราย
เมื่อการตั้งครรภ์เดินทางมาถึงไตรมาสที่ 2 แล้ว ทารกในครรภ์จะมีการดิ้นมากขึ้น ซึ่งคุณแม่จะรู้สึกเหมือนว่ามีปลากำลังเวียนว่ายอยู่ในท้อง ลูกดิ้นถือเป็นภาวะปกติของการตั้งครรภ์ ลูกดิ้นแบบไหนอันตรายคุณแม่มาลองสังเกตความผิดปกติดังต่อไปนี้หากเกิดขึ้นนั่นหมายความว่ามีความผิดปกติเกิดขึ้นกับทารกในครรภ์
1.ลูกดิ้นแรงจนแม่ปวดท้อง
ลูกดิ้นแบบไหนอันตราย เป็นคำถามทั่วไปของคุณแม่ตั้งครรภ์ ซึ่งเมื่ออายุครรภ์มากขึ้นจนถึงไตรมาสที่สาม จะสังเกตได้ว่าลูกมีอาการดิ้นมากขึ้น ซึ่งสามารถนับได้ไม่ต่ำกว่า 30 ครั้งต่อชั่วโมงเลย ซึ่งก็ถือว่ามีอาการดิ้นเยอะพอสมควร ในขณะเดียวกันหากคุณแม่ตั้งครรภ์พบว่าภายในหนึ่งชั่วโมง ลูกมีอาการดิ้นมากผิดปกติ การนับลูกดิ้น นับรวมแล้วมากกว่า 40 ครั้งขึ้นไปแล้ว เป็นกรณีที่พบไม่บ่อยมากนัก ซึ่งอาจจะมีความผิดปกติเกิดขึ้นกับทารกในครรภ์ได้เช่นกัน อย่างไรก็ตามหากลูกดิ้นแรงมากเกินไปก็ไม่ได้หมายความว่าเด็กในครรภ์มีภาวะแทรกซ้อนของสายสะดือ และอาจจะไม่ได้เป็นสัญญาณเตือน หรือบ่งบอกว่าคุณแม่จะคลอดก่อนกำหนดแต่อย่างใด หรือทารกคลอดออกมาแล้วจะเป็นเด็กไฮเปอร์ แท้จริงแล้วอาจจะเป็นจังหวะการหลับและการตื่นของทารกในครรภ์อยู่ก็ได้ จึงไม่ควรตื่นตระหนกจนเกินไป
2.ลูกดิ้นน้อยลง
โดยปกติแล้วการดิ้นน้อยลงของเด็กทารกไม่ได้ถือมีความผิดปกติแต่อย่างใด ซึ่งอาจจะเป็นภาวะเด็กกำลังหลับอยู่ก็เป็นได้ คุณแม่ควรคอยสังเกตการดิ้นของลูกในครรภ์ ลูกดิ้นแบบไหนอันตรายหากพบว่าอยู่ๆ ลูกมีอาการดิ้นน้อยลงกว่าปกติ โดยหากนับแล้วดิ้นไม่ถึง 10 ครั้งภายใน 2 ชั่วโมง นี่ถือว่าเป็นการดิ้นน้อยลงผิดปกติ ควรลองนับใหม่ให้แน่ใจ ใหม่ยังนับได้ต่ำกว่า 10 ครั้งภายใน 2 ชั่วโมงควรไปปรึกษาแพทย์ เพราะนี่อาจจะมีความผิดปกติเกิดขึ้นกับทารกในครรภ์
3.ลูกจะดิ้นแรงมากซักระยะหนึ่ง หลังจากนั้นก็หยุดดิ้นไป
การดิ้นของทารกเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าทารกในครรภ์ยังแข็งแรงดี ลูกดิ้นแบบไหนอันตรายแม้ว่าบางครั้งจะดิ้นน้อยไปบ้าง หรือดิ้นมากกว่าปกติ แต่หากพบว่าลูกมีอาการดิ้นแรงมากอยู่ซักกระยะหนึ่ง และเงียบหรือหยุดดิ้นไปไม่มีการดิ้นอีก นี่อาจจะเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าอาจจะมีอันตรายเกิดขึ้นกับทารกในครรภ์ก็เป็นได้ควรรีบไปพบแพทย์
วิธีการสังเกตลูกดิ้น
ทารกในครรภ์จะเริ่มดิ้นครั้งแรกในช่วงสัปดาห์ที่ 16-18 ของการตั้งครรภ์ ระยะนี้จะไม่สามารถสังเกตการดิ้นได้มากเท่าไหร่ คุณแม่จะมีความรู้สึกเหมือนท้องมีการกระตุก หรือเหมือนมีปลามาว่ายในท้องเท่านั้น แต่เมื่อเดินทางมาถึงช่วงระยะ 26-28 สัปดาห์จะสามารถสังเกตอาการดิ้นของลูกในครรภ์ได้ชัดเจนมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเคลื่อนไหว อากัปกิริยาต่างๆ ของทารกในครรภ์ คุณแม่จะรู้สึกได้จากการขยับเขยื้อนในร่างกาย โดยการดิ้นของเด็กทารกในครรภ์เป็นสัญญาณบ่งบอกได้หลายอย่าง คุณแม่จึงควรสังเกต ความผิดปกติ การนับลูกดิ้น เพื่อความปลอดภัยของทั้งคุณแม่และทารกในครรภ์นั่นเอง
ทำอย่างไรหากลูกดิ้นผิดปกติ
โดยทั่วไปแล้วทารกในครรภ์ดิ้นมากถือว่าเป็นเรื่องปกติ ไม่อันตรายแต่อย่างใด ลูกดิ้นแบบไหนอันตราย เพราะเด็กจะมีช่วงเวลาที่หลับ และตื่น และช่วงที่กำลังหลับอยู่ก็อาจจะดิ้นน้อยไป หรือไม่ดิ้นเลย แต่ช่วงที่กำลังตื่นอยู่ก็อาจจะมีอาการดิ้นมาก ซึ่งไม่ถือว่าเป็นอันตรายแต่อย่างใด แต่ก็มีข้อยกเว้นกรณีส่วนน้อยที่อาจจะมีความผิดปกติเกิดขึ้นกับทารกในครรภ์ ซึ่งการดิ้นที่ผิดปกติก็คือ จะมีการดิ้นมากผิดปกติจากการดิ้นธรรมดา โดยอาการดิ้นของเด็กที่มีความผิดปกติก็คือ ทารกในครรภ์จะดิ้นแรงมากอยู่ระยะหนึ่ง จากนั้นก็หยุดดิ้นไปไม่มีอาการดิ้นต่อไป หรือดิ้นน้อยกว่า 3 ครั้งต่อ 1 ชั่วโมง หรือดิ้นน้อยกว่า 10 ครั้งภายใน 12 ชั่วโมง ซึ่งอาการแบบนี้ คุณแม่ควรรีบไปพบแพทย์โดยด่วน เพราะอาจจะเกิดความผิดปกติ หรือเสี่ยงที่จะเกิดภาวะครรภ์เป็นพิษได้นั่นเอง
การดิ้นของลูกเป็นการบ่งบอกถึงความแข็งแรง และพัฒนาการของลูกในครรภ์ ทำให้คุณแม่ทราบได้ว่าลูกในครรภ์ยังมีปฏิกิริยาที่ตอบสนอง หรือยังแข็งแรงดีอยู่ ขณะเดียวกันการดิ้นของลูกก็เป็นสัญญาณบอกความผิดปกติได้เช่นเดียวกัน ลูกดิ้นแบบไหนอันตรายเราก็ได้ยกมาให้ได้ทราบแล้วในบทความข้างต้น คุณแม่ควรสังเกตการดิ้นของลูกในครรภ์เป็นประจำ หากมีการดิ้นที่ผิดจากปกติควรสังเกตนับการดิ้นของลูก และหากผิดปกติควรรีบไปพบแพทย์โดยทันที
เครดิตแหล่งข้อมูล : maerakluke
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!" ประกาศ "
ร่วมแสดงความคิดเห็น