รู้เพศลูกในท้อง แบบต้นตำหรับคนท้องโบราณ

รู้เพศลูกในท้อง แบบต้นตำหรับคนท้องโบราณ


1.รู้เพศลูกในท้องจากการสังเกตสะดือของคุณแม่ตั้งครรภ์
เป็นอีกหนึ่งความเชื่อโบราณตามตำราคนท้อง การดูลักษณะของสะดือของคุณแม่ตั้งครรภ์ ด้วยการสังเกตลักษณะของสะดือด้านบนยื่นออกมาหรือสะดือคว่ำ หากคุณแม่ตั้งครรภ์มีท้องเป็นทรงกลม ตามตำราโบราณบอกว่าน่าจะได้ลูกสาว

สำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์มีลักษณะสะดือด้านล่างยื่นออกมาเป็นสะดือหงาย และท้องเป็นท้องแหลม มีความเป็นไปได้สูงที่จะได้ลูกชาย

2.รู้เพศลูกในท้องจากการดิ้นของลูกในครรภ์
คุณแม่ส่วนใหญ่จะรู้สึกว่าลูกดิ้นช่วงประมาณสัปดาห์ที่ 20 ของการตั้งครรภ์ แต่ถ้าคุณแม่ตั้งครรภ์รู้สึกว่าลูกดิ้นเร็วกว่านั้น เชื่อว่าอาจได้ลูกชาย

หากคุณแม่รู้สึกว่าลูกดิ้นแรงมากกว่าปกติ โดยดิ้นแรง ๆ มีกระตุกหรือเตะท้องจนรู้สึกเจ็บได้ อาจเป็นไปได้จะได้ลูกชายมากกว่าลูกสาว เพราะผู้หญิงนั้นจะดิ้นบ่อยกว่า แต่จะดิ้นเบากว่า

ตามหลักวิทยาศาสตร์ โครโมโซม xx ของทารกเพศหญิงจะมีความคงที่กว่า โครโมโซม xy ของเพศชาย ดังนั้นลูกดิ้นบ่อยก็เป็นสัญญาณว่าได้ลูกสาว

3.รู้เพศลูกในท้องจากอาการแพ้ท้องของแม่ตั้งครรภ์
คนสมัยก่อนมักมีความเชื่อกันว่าคนท้องที่มีอาการแพ้ท้องรุนแรงจะได้ลูกสาว คนท้องที่มีอาการแพ้ท้องเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีอาการแพ้ท้องเลยลูกในท้องจะเป็นผู้ชาย

4.รู้เพศลูกในท้องจากสัญชาติญาณคนท้อง
คนสมัยก่อนบอกว่าสัญชาติญาณของผู้หญิงนั้นมักจะมีความแม่นยำสูง โดยมีการบอกต่อกันว่าหากคนท้องมีความคิดและเชื่อมั่นว่า ท้องนี้ได้ลูกเพศไหน โอกาสที่จะเป็นไปตามที่คิดมีความเป็นไปได้ถึง 70% เลยทีเดียว

5. รู้เพศลูกในท้องจากอาการเท้าเย็น
คนสมัยก่อนบอกต่อกันมาว่าหากคนท้องมีอาการเท้าเย็นจะได้ลูกชาย แต่ถ้าคนท้องไม่มีอาการเท้าเย็นคือมีอุณหภูมิปกติหรือเท้าอุ่น แสดงว่าจะได้ลูกสาว
ที่เป็นเช่นนี้เพราะว่าคุณแม่ที่ตั้งท้องได้ลูกชาย จะส่งผลให้เลือดไหลเวียนได้ไม่ดี ส่วนคุณแม่ที่ตั้งท้องได้ลูกสาวการไหลเวียนของเลือดจะดีกว่านั่นเอง

สำหรับความเชื่อและการคาดเดาจากวิธีการสังเกตเหล่านี้ อาจให้ผลความถูกต้องแม่นยำไม่มากนัก เรียกได้ว่าเอาไว้ทำนายเล่น ๆ ระหว่างรอเจ้าตัวเล็กลืมตาออกมาดูโลกแล้วกันนะคะ เพราะคุณแม่แต่ละคนก็มีปัจจัยอื่น ๆ ที่แตกต่างกันไป เช่น โรคประจำตัวของคุณแม่ตั้งครรภ์ ความแข็งแรงของร่างกาย สภาพแวดล้อม อายุ รวมถึงการกินอาหารของคุณแม่ตั้งครรภ์แต่ละคนด้วยนั่นเองค่ะ

เครดิตแหล่งข้อมูล : maerakluke

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
รวมข่าวในกระแส คลิ๊กเลย ++
กระทู้เด็ดน่าแชร์