ถึงเวลาเปิดเทอมแล้ว นอกจากข้าวของเครื่องใช้ที่ต้องเตรียมไว้ให้ลูกน้อย เรื่องสุขภาพก็สำคัญนะครับ โดยเฉพาะเด็กในวัยอนุบาล ช่วง 2 - 5 ขวบนี่ล่ะ เป็นช่วงที่เด็กยังมีภูมิต้านทานไม่แข็งแรงพอ ยิ่งเวลาที่เด็กรวมกันเยอะๆในโรงเรียนแล้ว การแพร่กระจายของเชื้อต่างๆจึงเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา เรามาดูกันว่า
1 ท้องร่วง ท้องเสีย
ท้องร่วง ท้องเสีย เป็นโรคติดเชื้อที่พบบ่อยที่สุดของเด็กเล็ก สาเหตุของโรคนั้นมาจากการที่เด็กกินอาหาร หรือดื่มน้ำที่มีเชื้อปนเปื้อน แม้แต่การหยิบของเล่นสกปรกๆเข้าปาก ก็เป็นสาเหตุทำให้เจ้าตัวเล็กเกิดอาการท้องร่วง ท้องเสีย ได้เหมือนกันนะครับ
อาการ
เด็กจะถ่ายเหลวเป็นน้ำ แต่อาจจะมีอาการคล้ายๆไข้หวัดก่อนการถ่ายเหลว โดยปกติแล้วอาการเริ่มต้นจะไม่รุนแรงมากนัก ควรให้ลูกดื่มน้ำมากๆ หรือให้ดื่มน้ำผสมเกลือแร่เพื่อไม่ให้ร่างกายอ่อนเพลียเพราะขาดเกลือแร่ แต่ถ้าอาการรุนแรงต้องรีบไปพบแพทย์โดยเร็ว เพราะเด็กจะขาดน้ำ ทำให้ร่างกายเกิดภาวะขาดน้ำ ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
2 ไข้หวัดใหญ่
โรคไข้หวัดใหญ่นั้นสามารถติดเชื้อได้จากการหายใจเอาเชื้อโรคที่อยู่ในอากาศเข้าไปในร่างกาย หรือจากการที่เด็กอาจไปสัมผัสกับสารคัดหลั่ง น้ำมูก น้ำลาย เสมหะ หรืออาจติดต่อจากการใช้สิ่งของร่วมกับเด็กคนอื่นที่เป็นไข้หวัดใหญ่ โรคไข้หวัดใหญ่นี้สามารกเป็นได้ตลอดทั้งปี และผู้ป่วยที่พบว่าเป็นไข้หวัดใหญ่เยอะที่สุดคือเด็กอายุไม่เกิน 4 ขวบ ยิ่งเข้าไปอยู่ในสถานที่แออัดหรือสถานที่คนเยอะ โอกาสติดเชื้อก็จะยิ่งมากขึ้น โดยเฉพาะกับเด็กที่มีร่างกายไม่แข็งแรง
อาการ
เด็กที่ป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่จะมีอาการคัดจมูก น้ำมูกไหล ไอจาม หนาวสั่น คลื่นไส้ อาเจียน ปวดเมื่อยตามเนื้อตัว และอ่อนเพลีย หากอาการไม่รุนแรงมากก็จะสามารถหายได้ภายใน 5 - 7 วัน แต่คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรไว้วางใจนะครับเพราะไข้หวัดใหญ่สามารถเกิดอาการแทรกซ้อนอื่นที่รุนแรงได้ เช่นปอดบวม สมองอักเสบ กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ ตับอักเสบ หายใจเร็วและอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้ครับ
3 อีสุกอีใส
โรคอีสุกอีใสเป็นโรคติดเชื้อไวรัสที่สามารถติดต่อกันได้จากการหายใจรดกัน ไอ จาม หรือแม้แต่การสัมผัสหรือการใช้ของร่วมกับเด็กคนอื่นๆก็ทำให้ติดเชื้อโรคนี้ได้แล้วครับ
อาการ
หลังจากที่เด็กได้รับเชื้อ จะมีระยะที่เชื้อฟักตัวประมาณ 2 - 3 สัปดาห์ จากนั้นจะเริ่มแสดงอาการต่างๆเช่น เริ่มมีผื่นขึ้นที่ใบหน้าและลำตัว มีไข้ต่ำๆ อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร หลังจากนั้นผื่นจะกลายเป็นตุ่มน้ำใสๆนูนขึ้นมาและมีอาการคันร่วมด้วย หลังจากนั้นประมาณ 2 - 4 วัน ตุ่มก็จะตกสะเก็ด หากลูกของคุณมีอาการของโรคอีสุกอีใส ควรให้ลูกหยุดเรียนเพื่อที่จะได้ไม่ไปแพร่เชื้อให้กับเด็กคนอื่น และไม่ควรแคะ แกะ เกา เพราะอาจทำให้ตุ่มเหล่านี้กลายเป็นแผลเป็นได้ คุณพ่อคุณแม่ควรดูแลรักษาความสะอาดของลูก ใช้สบู่ฟอกทำความสะอาดแผล และล้างมือให้สะอาดอยู่เสมอ
4 โรคมือเท้าปาก
โรคมือเท้าปากนี้เกิดจากการติดเชื้อไวรัสผ่านทางการไอ จาม หรือละอองน้ำมูกจากเด็กที่ป่วย
อาการ
อาการของโรคมือเท้าปากนั้นจะคล้ายกับอาการของโรคอีสุกอีใสคือ มีไข้ อ่อนเพลีย และเบื่ออาหาร แต่ที่สังเกตเห็นได้ชัดเลยก็คือจะมีผื่นหรือจุดแดงขึ้นเฉพาะบริเวณมือ เท้า ปาก และจุดแดงๆที่ขึ้นอาจจะกลายเป็นตุ่มน้ำได้แต่จะไม่มีอาการคัน (หากเป็นอาการของโรคอีสุกอีใสจะมีผื่นแดงขึ้นทั้งตัวพร้อมกับมีไข้ในช่วง 1 - 2 วันแรกที่เป็น) โดยผื่นแดงหรือตุ่มน้ำที่ขึ้นนั้นจะหายไปเองภายใน 10 วัน และไข้ก็จะหายภายใน 3 - 4 วัน แต่บางรายก็อาจจะมีอาการแทรกซ้อนรุนแรงเช่น ปวดหัวมาก แขนขาอ่อนแรง หายใจหอบ หรืออาจชักได้ ต้องรีบไปพบคุณหมอโดยด่วนนะครับ
5 โรคตาแดง
คุณพ่อคุณแม่หลายท่านอาจมองข้ามโรคนี้ไปเพราะคิดว่าโรคนี้ไม่ค่อยรุนแรง แต่ความจริงแล้ว หากปล่อยไว้โดยไม่รีบรักษาก็อาจทำให้ตาของลูกถึงกับบอดได้เลยนะครับ โดยเชื้อโรคนี้ติดต่อกันได้ง่ายมาก แค่ใกล้ชิด สัมผัสกับผู้ป่วย หรือแค่ปล่อยให้แมลงหวี่ แมลงวันตอมที่ตาก็มีโอกาสเป็นโรคตาแดงได้แล้ว เชื้อโรคตาแดงนี้มักจะระบาดหนักในโรงเรียน สระว่ายน้ำ หรือที่มีผู้คนแออัด
อาการ
เด็กที่ติดเชื้อโรคตาแดงจะมีขี้ตามากในช่วงเช้า น้ำตาไหล เจ็บ แสบ หรือเคืองตา และเชื้อไวรัสนี้จะทำให้เยื่อบุตาภายในหนังตาเกิดการอักเสบ บวม ทำให้ตาแดง
คุณพ่อคุณแม่ควรสอนให้ลูกรู้จักรักษาความสะอาด และระมัดระวังตัวเองอยู่เสมอ ให้ลูกล้างมือก่อนกินข้าวและหลังจากไปวิ่งเล่นในสนามเด็กเล่นทุกครั้ง และอย่าลืมตัดเล็บของลูกให้สั้นอยู่เสมอนะครับ