สัญญาณ Wi-Fi ช่วยให้เราเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต ติดต่อสื่อสารผ่านทาง Social mediaได้อย่างสะดวกสบาย แต่คุณรู้หรือไม่? สัญญาณWi-Fi จะมีผลกระทบต่อสุขภาพของเด็กๆ ในบ้านหรือไม่ เรามาดูกันคะว่า สัญญาณ Wi-Fi จะมีอันตรายจริงไหม
จากผลการศึกษาของ Dr.Om Ghandhi แห่งมหาวิทยาลัยยูทาห์ กล่าวว่า เนื้อสมองของเด็กวัย 5-10 ขวบ ซึ่งยังอ่อนอยู่ จะถูกสัญญาณของคลื่น WiFi ทะลุทะลวงได้มากกว่าสมองของผู้ใหญ่
สัญญาณ Wi-Fi มีผลต่อทารกในครรภ์ ผลงานการวิจัย ที่เชื่อว่า สัญญาณ Wi-Fi มีผลต่อ สุขภาพทารกในครรภ์ เพราะ WiFi เป็นสาเหตุให้เกิดการจับตัวกันของธาตุโลหะในเซลล์สมอง ซึ่งการสะสมนี้จะทำให้เกิดอาการออทิสติกอย่างค่อยเป็นค่อยไปซึ่งรายงานนี้ได้ตีพิมพ์ลงในวารสารวิชาการ ที่มีชื่อว่า the Australasian Journal of Clinical Environmental Medicine
งานวิจัยชิ้นใหม่ที่ตีพิมพ์ในวารสาร ไมโครสโคปี แอนด์ อัลตราสตรัคเจอร์ ชื่อ "ทำไมเด็กๆ จึงดูดซับการแผ่รังสีไมโครเวฟมากกว่าผู้ใหญ่" ใช้การสำรวจวิจัยงานศึกษาวิจัยเชิงวิเคราะห์ผลกระทบจากสัญญาณไมโครเวฟจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆได้ข้อสรุปว่า เด็กๆ และวัยรุ่นมีความเสี่ยงในระดับ "ค่อนข้างมาก" จากการได้รับสัญญาณไมโครเวฟที่กระจายอยู่โดยรอบตัวอุปกรณ์เข้าไปมากกว่าความเสี่ยงของผู้ใหญ่ที่เสี่ยงอันตรายในระดับต่ำกว่าแต่ยังคงเป็นระดับความเสี่ยงที่มีนัยสำคัญต่อสุขภาพ
งานวิจัยใหม่นี้ระบุไว้ชัดเจนว่าผลการศึกษาวิจัยที่นำมาเป็นตัวอย่างนั้นเป็นการศึกษาวิจัยที่อยู่ในสภาวะแวดล้อมจำเพาะในการวิจัยและเป็นการพิเคราะห์ผลจากกลุ่มตัวอย่างจำเพาะกลุ่มเท่านั้นพร้อมกับตั้งข้อสังเกตไว้ด้วยว่าการได้รับการแผ่รังสีคลื่นวิทยุไมโครเวฟที่จะก่อให้เกิดมะเร็งได้นั้นต้องใช้เวลาเกินกว่า 30 ปีขึ้นไป ทำให้ยากที่จะได้ข้อสรุปที่ชัดเจนได้
อย่างไรก็ตามงานวิจัยดังกล่าวสรุปผลและจัดทำเป็นข้อเสนอแนะไว้ว่าเด็กๆดูดซับปริมาณการแผ่รังสีไมโครเวฟได้มากกว่าผู้ใหญ่ยิ่งเป็นทารกในครรภ์ยิ่งอ่อนไหวต่อคลื่นไมโครเวฟมากกว่าเด็กๆดังนั้น สตรีมีครรภ์ควรหลีกเลี่ยงไม่ให้ลูกในท้องได้สัมผัสกับการแผ่รังสีไมโครเวฟ ผู้วิจัยชี้ว่า ในคู่มือของโทรศัพท์เคลื่อนที่มีคำเตือนเกี่ยวกับเรื่องการสัมผัสการแผ่รังสีนี้ไว้อย่างชัดเจน เช่นเดียวกับที่คำเตือนของรัฐบาลที่มีออกมาอย่างเป็นทางการในเรื่องเดียวกันนี้ก็มีอยู่ แต่ผู้ใช้ส่วนใหญ่กลับไม่รู้เรื่องคำเตือนดังกล่าว
สัญญาณ Wi-Fi ทำให้เป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว งานวิจัยยังพบว่าสัญญาณ WiFi เป็นอันตรายกับเด็ก เพราะสัญญาณที่ส่งออกไปทำให้เซลล์ในร่างกายหยุดการทำงาน ทำให้ไม่สามารถหายใจได้สะดวก และทำให้ดีเอ็นเอภายในร่างกายถูกทำลายและทำงานไม่เป็นปกติหลังจากได้รับไปเป็นเวลานาน และคลื่นเหล่านี้ถูกค้นพบว่าทำให้มีผลต่อเม็ดเลือดขาว ซึ่งอาจทำให้เป็นมะเร็งในเม็ดเลือดขาว
โรงเรียนต่างประเทศ งดใช้ Wi – Fi โรงเรียนประถมเซนต์วินเซนต์ยูเฟรเซีย ใน Meaford ออนตาริโอ ของแคนาดา ได้ห้ามไม่ให้มีระบบสัญญาณ Wi-Fi ในโรงเรียนระดับอนุบาลและประถมต้น เช่นเดียวกับบางโรงเรียนอนุบาลในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ฝรั่งเศส และรัสเซีย เนื่องจากมีผลการวิจัยทางการแพทย์ระบุว่า คลื่นความถี่ของระบบสัญญาณ WiFi ที่มีความเข้มข้นนั้นอาจมีผลเสียต่อพัฒนาการและอาจทำให้เกิดเนื้องอกในสมองของเด็กได้
ดังนั้น ทุกๆ บ้านที่มี WiFi คุณพ่อคุณแม่ต้องระมัดระวังเป็นอย่างมาก ร่วมกับสังเกตอาการผิดปกติที่เกิดขึ้นกับลูกดังต่อไปนี้
1. ลูกบ่นปวดศีรษะบ่อยๆ (ประมาณ 3-5 ครั้งต่อสัปดาห์)
2. ลูกมีอาการเวียนหัวและรู้สึกเหมือนอยากจะอาเจียน
3. ลูกบอกว่ามองเห็นเลือนรางและมีความผิดปกติทางการมองเห็น เช่น เห็นพื้นที่กำลังเดินอยู่มีลักษณะเอียง หรือมีความรู้สึกเหมือนเดินลงเขา
4. ลูกมีความผิดปกติทางการได้ยิน เช่น ได้เสียงของคุณครูฟังดูแปลกๆ มีเสียงสูง ต่ำ ทั้งๆที่คุณครูยังคงพูดเสียงปกติเหมือนเดิม
5. คุณแม่สังเกตลูกมีปัญหาในเรื่องของความจำหรือไม่
6.ลูกไม่มีสมาธิเวลาเรียนหรือขาดความสนใจในบทเรียน
ที่มา todayhealth