ของโปรดของเด็กๆ คงไม่พ้นอาหารแปรรูปทั้งหลายที่ไม่ควรกินนะคะ เเต่ใครเลยจะคาดคิดว่าหนึ่งในนั้นสามารถทำให้ลูกเสียชีวิตได้เลย เพราะ ไส้กรอกมหันตภัยร้าย ทำลูกตายเพียงเเค่เสี้ยววินาที นอกจากไม่มีประโยชน์เเล้วยังทำให้ตายได้ด้วย
เหตุการณ์นี้มาจากคุณหมอเจ้าของเรื่อง เพจ เรื่องเล่าหมอ x exclusive ซึ่งคุณหมอเล่าว่า
"ไส้กรอกมหันตภัย"
หลายวันก่อน ในช่วงหัวค่ำ ณ รพ แห่งหนึ่ง มี notify จากห้องฉุกเฉินถึงหมอเด็กที่อยู่เวรวันนั้นจากหมอน้องๆที่ตรวจ ได้ความว่า เด็กน้อยอายุ 3 ขวบมา รพ ด้วยอาการหมดสติ สอบถามจากผู้ปกครองได้ความว่า จู่ๆน้องก็ลงไปนอนดิ้นทุรนทุราย ปากเขียว เลยรีบพามา รพ โดยไม่ได้ปฐมพยาบาลเบื้องต้นมาก่อน ใช้เวลาในการเดินทางมา รพ พอสมควร
พอถึงห้อง ฉุกเฉิน แพทย์เวรที่ห้องฉุกเฉินได้ทำการช่วยเหลือกู้ชีพ รวมถึงการใส่ท่อช่วยหายใจ เพราะน้องอยู่ในสภาวะระบบหายใจล้มเหลว ทันใดนั้นเอง!!!! ระหว่างใส่ท่อช่วยหายใจ ใส้กรอกชิ้นนึงขนาดพอคำ ก็หลุดออกมาจากหลอดลม ........
ทุกอย่างกระจ่าง สอบถามผู้ปกครอง ได้ความว่า เด็กน้อยถือไส้กรอกกินตามลำพัง แต่อะไรก็ไม่สำคัญไปกว่า การช่วยฟื้นคืนชีพครั้งนี้ทำไม่สำเร็จ เด็กน้อยมาถึง รพ ช้าไป .......อยากจะเเบ่งปันเรื่องนี้ เป็นอุทาหรณ์ให้กับผู้ปกครองที่มีลูกเล็กทุกๆท่านค่ะ
ช่วงเช้าวันนี้ เรากำลังนั่งกินอาหารเช้ากับลูกสาว อายุหนึ่งขวบ ของเรา โดยเราก็อุ้มลูกนั่งบนตัก และก็ยื่นไส้กรอกอันเล็กให้หนึ่งอัน
ไส้กรอกคอกเทลธรรมดานี่แหละค่ะ คือปกติลูกก็กินไส้กรอกอยุ่แล้ว เราก็เลยไม่ได้คิดอะไร ก็นั่งทานอาหารเช้าของเราไป
ผ่านไปประมาณ หนึ่งนาทีค่ะ ก็รู้สึกว่าลูกงอตัวลงมา คล้ายๆว่าอยุ่ดีๆ เค้าก็หลับ
เราก็ยังไม่ได้คิดในแง่ร้ายนะค่ะ ก็ถามแฟนว่า ดูลูกที ว่าหลับรึป่าว แล้วเราก็พลิกลูกมา
ปรากฏว่า ลูกงอตัว มือกำแน่น เกร็ง ตัวสั่น แบบเหมือนว่าเค้าหายใจไม่ออก เรานี่ใจเสียเลย
คิดเลยว่า ต้องมีอะไรติดคอแน่ๆ คือลูกแบบอาการน่ากลัวมากค่ะ
เราก็รีบจับลูกให้หัวต่ำกว่าตัว แล้วก็ตบที่หลังลูกค่ะ ทุบๆ แฟนก็มาเอาลูกไปทุบหลัง ก็ไม่ออกค่ะ
พยายามดูในปากลูกก็มองไม่เห็นค่ะ เปิดแทบไม่ออก ลูกเกร็งมาก
เราสติแทบไม่อยู่กะตัวเเล้วค่ะ ก็รับลูกมา แล้วก็ทำ Back Blow ต่อ ตบหลังลูก แล้วบอกให้แฟนรีบไปเตรียมรถ
วิ่งเลยค่ะ วิ่งไปขึ้นรถ รองท้ง รองเท้าก็ไม่ใส่แล้วค่ะ ลืมหมดทุกสรรพสิ่ง
กลัวลูกเป็นอะไรไปมากๆค่ะ
นั่งไปในรถ ก็ยังพยายามตบหลังลูกต่อนะค่ะ ตบไปตลอด พยายามแยงมือเข้าไปในปากเค้า เค้าก้เกร็ง กัดนิ้วเรา
แต่เราก็รู้สึกได้ว่ามีอะไรค้างที่คอลูก ก็ตบต่อค่ะ
พ่อเค้าก็ขับรถแบบว่า เร็วมากๆ ฝ่าทุกไฟแดงค่ะ คือบ้าคลั่งมาก กลัวลูกเป็นอะไรไป
คือปกติจากที่พักเรา ไปโรงพยาบาลนี่ ประมาณ 10 นาที วันนี้ขับประมาณ 4 นาทีค่ะ บ้าคลั่งมากๆจริง
ก่อนถึงโรงพยาบาลซัก 500 เมตร ก็เริ่มมีการตอบสนองจากลูกค่ะ คือเค้าแบบ เฮือกขึ้นมาค่ะ ( อธิบายยากจัง )
คือเหมือนเรารู้สึกได้ว่าเค้าหายใจได้แล้วนะ ก็ยังตบหลังต่อนะค่ะ เพื่อความชัวร์
พอไปถึงที่โรงพยาบาล วิ่งไปที่แผนกฉุกเฉิน ประทับใจทีมแพทย์พยาบาลมากค่ะ คือนึกภาพ ผู้หญิงวิ่งเท้าเปล่า อุ้มลุกวิ่งเข้ามา
แล้วทีมพยาบาลก็กรูกันเข้ามาเลยค่ะ ถามว่าน้องเป้นอะไรยังไง เราก็ตอบไปค่ะ ว่าน่าจะไส้กรอกติดคอ พยาบาลและหมอก็มารับตัวลูกไป
แต่เราก็แจ้งนะค่ะ ว่าหมอค่ะ คิดว่าน่าจะหลุดลงไปแล้วนะค่ะ
ลูกเราก็กรีดร้องค่ะ เพราะว่าตกใจมั๊งค่ะ เพราะว่าโดนรุมล้อมไปด้วยพยาบาลห้าหกคน แต่บอกตามตรง คือเป็นเสียงร้องที่เราดีใจมากที่ได้ฟัง เพราะมันแสดงว่า ลูกเรายังหายใจ
หมอลองฟังปอด วัดออกซิเจน เช็คสัญญาณชีพต่างๆ ก็เป็นปกติดี เราก็โล่งใจมากๆ ค่ะ แต่หมอขอให้ x-ray ปอด เพื่อเช็คดู
ผลก็โอเคค่ะ ต้องรอดูอาการอีกสองสามวัน หากมีไข้ หรือไอมาก ก็ต้องพาลูกมาหาหมออีกทีค่ะ
ขอบคุณทุกๆอย่าง ขอบคุณทีมหมอพยาบาลโรงพยาบาลกรุงเทพหาดใหญ่ ขอบคุณอาจารย์ทุกๆท่านที่สอนเรา เรื่อง First Aid
บอกเลยค่ะ ว่า เทรนและฝึกกับหุ่นเด็ก เรื่อง Choking สำลักอาหาร / อาหารติดคอ นี่ หลายปีมากๆ คือทำกับหุ่นนี่ เข้าขั้นโปรเลยค่ะ
แต่พอเกิดขึ้นจริงๆ กับลูกตัวเอง ขอบอกเลยว่า กว่ามันจะออก นี่คือ ใจแม่ไปอยู่ที่เท้าเเล้วค่ะ กลัวไปต่างๆนาๆ จริงๆต้อง ตบหลัง แล้วก็ต้องไปทำ chest thrust ( กดที่หน้าอก ) พอเอาเข้าจริง ตบหลังอย่างเดียว