“เฮอแปงไจน่า” โรคยอดฮิตในเด็กเล็กที่คุณพ่อคุณแม่ต้องรู้

“เฮอแปงไจน่า” โรคยอดฮิตในเด็กเล็กที่คุณพ่อคุณแม่ต้องรู้


เฮอแปงไจน่า กับ มือเท้าปาก แตกต่างกันอย่างไร?

เฮอแปงไจน่า กับ มือเท้าปาก เป็นโรคที่มักเกิดในเด็กอายุน้อยกว่า 5 ปี โดยทั้ง 2 โรคมีอาการที่คล้ายคลึงกันคือทำให้เกิดแผลในปากและลำคอ แต่โรคเฮอแปงไจน่าจะมีเฉพาะแผลขนาดเล็กๆในลำคอร่วมกับคอแดงเท่านั้น แต่หากเป็นโรคมือเท้าปากจะมีแผลในลำคอร่วมกับมีผื่นตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย เช่น ฝ่ามือ ฝ่าเท้า หรือ แขนขา เป็นต้น รวมทั้งอาจทำให้เกิดอาการไข้ อ่อนเพลีย กินได้น้อย อาเจียน เจ็บปาก ซึม งอแงผิดปกติ ความน่ากลัวของทั้ง 2 โรคนี้ก็คือ หากโรคเกิดจากเชื้อไวรัส "กลุ่มเอนเทอโรไวรัส 71" อาจจะทำให้เกิดอาการรุนแรงไปยังสมอง ทำให้สมองอักเสบ, ซึม, ชัก หายใจผิดปกติ ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการรักษาเฉพาะทาง จากกุมารแพทย์ด้านโรคติดเชื้อ และกุมารแพทย์ด้านโรคระบบประสาทอย่างใกล้ชิดในโรงพยาบาล

โรคเฮอแปงไจน่า เกิดขึ้นได้อย่างไร

โรคเฮอแปงไจน่าและโรคมือเท้าปากเกิดจากการติดเชื้อไวรัสในกลุ่มเอนเทอโรไวรัส (Enterovirus) ซึ่งมีหลายสายพันธุ์ การป่วยเป็นโรคนี้แล้วครั้งหนึ่งก็จะทำให้เด็กมีภูมิคุ้มกันและไม่เป็นโรคจากไวรัสสายพันธุ์เดิมได้อีก แต่ก็มีโอกาสเป็นซ้ำจากการติดไวรัสสายพันธุ์อื่น โดยมีการแพร่เชื้อผ่านทางน้ำมูก น้ำลาย เสมหะ อุจจาระ หรืออาจปนเปื้อนมาในน้ำ อาหาร ภาชนะ มือ ของเล่น โต๊ะเก้าอี้ วัสดุต่างๆ เด็กจึงมีโอกาสรับเชื้อผ่านเข้าทางปาก ซึ่งไวรัสกลุ่มนี้มีศักยภาพสูงมากในการก่อโรค การได้รับเชื้อเพียงแค่ 10-100 ตัวก็สามารถเกิดการติดเชื้อได้

อาการของโรคเฮอแปงไจน่า

อาการของโรคจะแตกต่างกันไปในเด็กแต่ละคน แต่ที่พบได้บ่อย คือ มีไข้แบบเฉียบพลัน ได้รับยาลดไข้แล้วไม่ดีขึ้น และอาจมีไข้สูง 40 องศา เด็กบางคนอาจมีอาการชักจากไข้สูง กลืนลำบาก ทำให้ปฏิเสธอาหาร เบื่ออาหาร น้ำลายไหล อาเจียน และอาจพบภาวะร่างกายขาดน้ำ เช่น ริมฝีปากแห้ง ตาโหล ร้องไห้ไม่มีน้ำตา ปัสสาวะสีเข้ม ปัสสาวะน้อย รวมทั้งพบแผลในปาก เป็นแผลเล็กๆ หลายแผลบริเวณเพดานอ่อน ต่อมทอนซิล หรือผนังคอด้านหลัง โดยแผลมักเกิดใน 2 วันหลังการติดเชื้อ ลักษณะของแผลที่พบจะมีขนาด 2-4 มิลลิเมตร สีขาวหรือเทาอ่อนมีขอบแดง ซึ่งส่วนใหญ่แผลจะหายภายใน 7 วัน

แม้ยังไม่มียาต้านไวรัส แต่ก็รักษาได้

ปัจจุบันยังไม่มียาต้านไวรัสที่จะรักษาโรคเฮอแปงไจน่าโดยตรง แต่โรคนี้มีอาการไม่รุนแรง สามารถหายเองได้ภายใน 7-10 วัน

ด้วยการรักษาตามอาการ ดังนี้

-ให้ยาลดไข้ พาราเซตามอล ร่วมกับการเช็ดตัวลดไข้บ่อยๆ

-ให้เด็ก จิบ ดื่มน้ำเย็นบ่อยๆ หรือดื่มนมเย็นที่มีรสไม่หวานมาก

-ให้เด็กกินน้ำแข็ง หรือไอศครีมที่มีรสชาติไม่เปรี้ยวและไม่หวานมาก

-ให้ทานอาหารจืด อ่อน ย่อยง่าย (ไม่ควรให้น้ำผลไม้หรืออาหารรสเปรี้ยว)

-ในกรณีที่เด็กไม่ยอมรับประทานอาหาร แพทย์อาจใช้ยาที่มีส่วนผสมของยาชา เพื่อให้สามารถทานอาหารได้

แต่หากเด็กมีไข้สูง ได้ยาลดไข้แล้วไม่ดีขึ้น มีอาการชักจากไข้สูง ไม่ยอมดื่มน้ำ ดื่มนม หรือรับประทานอาหารได้น้อยมาก มีภาวะขาดน้ำที่เห็นได้ชัด เช่น ปัสสาวะน้อยและมีสีเข้มมาก ริมฝีปากแห้ง ตาโหลลึก ซึมผิดสังเกต หรือแสดงอาการกระสับกระส่าย ผู้ปกครองควรรีบพาเด็กมาพบแพทย์โดยเร็ว

ป้องกันอย่างไร ไม่ให้เฮอแปงไจน่ามาเยือน
เนื่องจากในปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนในการป้องกันโรคนี้ คุณพ่อคุณแม่จะต้องดูแลเรื่องสุขอนามัย ด้วยการหมั่นล้างมือให้สะอาดอยู่เสมอ โดยเฉพาะก่อนหลังรับประทานอาหาร รวมถึงก่อนปรุงอาหาร

-ล้างมือหลังจากใช้ห้องน้ำทุกครั้ง

-ล้างมือก่อนและหลังการเปลี่ยนผ้าอ้อม ชุดชั้นในเด็ก หรือหลังการสัมผัสน้ำมูก น้ำลาย เสมหะ อุจจาระของเด็ก

-ใช้กระดาษชำระ ผ้าเช็ดหน้า หรือท้องแขนปิดปากเวลาไอ จาม

-ทิ้งกระดาษชำระที่ใช้แล้วลงถังขยะที่ปิดมิดชิด

-หมั่นทำความสะอาด พื้น โต๊ะ เก้าอี้ ของเล่น และวัสดุอื่นที่เด็กชอบหยิบจับ ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อบ่อยๆ

-หากเด็กป่วยเป็นโรคเฮอแปงไจน่า ควรให้หยุดเรียน 1 สัปดาห์ เพื่อไม่ให้เกิดการแพร่เชื้อไปสู่เด็กคนอื่น

เครดิตแหล่งข้อมูล : phyathai.com

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
เช็คเบอร์มือถือ คลิ๊กเลย ++
กระทู้เด็ดน่าแชร์