ต้องยอมรับนะคะว่าทุกวันนี้มีสารก่อภูมิแพ้อยู่ทุกที่ และนั่นก็เป็นเหตุผลหนึ่งเหมือนกันที่ทำให้ลูกมีอาการภูมิแพ้เรื้อรัง จนกลายเป็นโรคหอบหืดไปในที่สุดค่ะ
เพราะสภาพเเวดล้อมที่โรงเรียนรึเปล่า
บทความที่เขียนโดย Wanda Phipatanakul จากโรงพยาบาลเด็กบอสตัน และโรงเรียนแพทย์ฮาร์วาร์ด โดยอ้างอิงจากงานวิจัยที่เก็บข้อมูลจากเด็กนักเรียน ที่มีอายุตั้งแต่ 4-13 ปี ใน 37 โรงเรียนบริเวณตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศสหรัฐอเมริกา
พบว่าตัวอย่างฝุ่นที่ทีมวิจัยเก็บมาจากห้องเรียนและในบ้านของเด็กๆ นั้น เป็นปัจจัยที่ทำให้เด็กๆ มีอาการหอบหืด และมีปัจจัยอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น หนูในท่อน้ำและหนูที่อยู่ตามบ้าน แมลงสาบ แมว สุนัข และไรฝุ่น
โดยหนูในบ้านเป็นสารก่อภูมิแพ้ที่ตรวจพบได้มากที่สุดทั้งในโรงเรียนและในบ้าน ซึ่งทำให้อาการหอบหืดของเด็กๆ กำเริบมากขึ้น ส่งผลให้การทำงานของปอดลดลงอีกด้วยละค่ะ ที่พบรองลงมาคือแมว สุนัข ตามลำดับค่ะ
ขณะที่สารก่อภูมแพ้ในอากาศ เช่น แพ้อากาศหรือเกสรดอกไม้นั้นไม่พบในโรงเรียนและในบ้าน ไรฝุ่น แมลงสาบและหนูที่อยู่ในท่อน้ำ ก็พบได้ต่ำทั้งในโรงเรียนและในบ้านเช่นกันค่ะ
กำจัดสารก่อภูมิแพ้ด้วยวิธีธรรมชาติ
วิธีรักษาโรคหอบหืดได้ดีที่สุดได้ผลที่สุด คือการกำจัดสารก่อภูมิแพ้ที่ลูกแพ้ค่ะ
1.กำจัดสารก่อภูมิแพ้
เช่น ถ้าแพ้ไรฝุ่น ควรลดการใช้ข้าวของเครื่องใช้ที่เป็นตัวดักฝุ่น เช่น เฟอร์นิเจอร์ผ้า ตุ๊กตาผ้า เสื้อผ้าที่แขวนอยู่ข้างนอก เปลี่ยนเป็นเฟอร์นิเจอร์ไม้ พลาสติก หรือหนังเทียม ตุ๊กตาผ้าก็เอาไปแช่ในช่องฟรีส และหาผ้าคลุมไรฝุ่นมาคลุมเครื่องนอนของลูก ถ้าแพ้สุนัขหรือแมว ก็แยกพื้นที่ของสุนัขและแมวให้เป็นสัดส่วน เป็นต้นค่ะ
2.ปรึกษาแพทย์
หาคุณหมอด้านภูมิแพ้เพื่อทดสอบว่าลูกแพ้อะไร และปรึกษาคุณหมอเรื่องแนวทางการปฏิบัติตัวเพื่อให้อาการภูมิแพ้บรรเทาลง หรือหายขาด
3.จดบันทึก
บันทึกข้อมูลความคืบหน้าของอาการภูมิแพ้ในแต่ละวัน หรือแต่ละอาทิตย์ เพื่อดูว่ามีปัจจัยอื่นๆ เกี่ยวข้องหรือไม่ และความคืบหน้าของอาการเป็นอย่างไรบ้าง
4.ดูแลสุขภาพ
การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอและบริโภคอาหารตามหลักโภชนาการ แม้ไม่ได้เป็นการแก้ไขภูมิแพ้ แต่เป็นการช่วยให้ร่างกายลูกแข็งแรงขึ้น พร้อมรับมือกับอาการภูมิแพ้ ป้องกันอาการที่อาจจะเลวร้ายลงได้ และเพิ่มภูมิต้านทานของร่างกายให้แข็งแรงยิ่งขึ้นค่ะ
5.พักผ่อนให้เพียงพอ
การนอนให้เต็มที่เพียงพอแก่ร่างกาย และมีคุณภาพนั้น ต้องสร้างบรรยากาศการนอนให้มืดสนิท เงียบไม่มีเสียงรบกวน การนอนเป็นปัจจัยต้นๆ ที่เด็กๆ ต้องการเพื่อสุขภาพที่ดีและพัฒนาการที่เหมาะสมกับวัยนะคะ
เพียงเท่านี้แม้โรคภูมิแพ้จะไม่ได้หายสนิท แต่ก็บรรเทาลงไปเยอะแล้วละค่ะ
ที่มา sciencedaily และ WebMD