เมื่อเข้าสู่ไตรมาสที่ 2 ว่าที่คุณแม่ส่วนใหญ่จะรู้สึกกระปรี้กระเปร่า มีเรี่ยวมีแรงมากขึ้นเนื่องจากอาการแพ้ท้องช่วงไตรมาสแรกนั้นทุเลาลงหรือหายจากอาการแพ้ท้อง แต่ก็อาจจะยังมีคุณแม่บางท่านที่อาการแพ้ท้องยังอยู่ไปจนคลอดเลย (เข้มแข็งไว้นะคะ) โดยทั่วไปแล้วในไตรมาสที่ 2 คุณจะรับประทานอาหารได้มากขึ้น เริ่มสังเกตเห็นท้องได้ชัดเจนขึ้น และที่ตื่นเต้นที่สุดคือการรู้สึกว่าลูกดิ้นเป็นครั้งแรก แต่ก็ยังไม่วายมีอาการต่าง่ ๆ มากวนใจว่าที่คุณแม่ไม่ให้รู้สึกสบายตัวจนเกินไป 4 อาการที่พบได้บ่อยในช่วงตั้งครรภ์ไตรมาสที่ 2 มีดังนี้ค่ะ
1. น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นในช่วงนี้ว่าที่คุณแม่สามารถทานอาหารได้โดยไม่มีอาการแพ้ท้อง ดังนั้นจึงทำให้สนุกกับการทานอาหารมากเป็นพิเศษ บางรายมีความเชื่อที่ผิดว่าต้องทานอาหารเผื่อลูกด้วยจึงเพิ่มทุกอย่างเป็น 2 เท่า ทางที่ดีควรทานเฉพาะส่วนของคุณแม่ ไม่ต้องเผื่อลูกหรอกค่ะ เพียงแค่คุณประทานอาหารที่ครบ 5 หมู่ ควบคุมเรื่องแป้งและน้ำตาล ถ้าหิวก็ทานผลไม้แทนเค้กหรือคุกกี้ก็พอ สำหรับดิฉันตอนท้อง 6 เดือนน้ำหนักขึ้นตั้ง 3 กิโลกรัมในเดือนเดียวจนคุณหมอส่ายหน้าและให้ควบคุมน้ำหนักพร้อมขู่ว่าถ้าคุณแม่ไม่ควบคุมน้ำหนักหลังคลอดจะไม่มีใครจำคุณแม่ได้นะครับ พอดีเดือนนั้นเผลอกินขนมเยอะไปหน่อยโดยเฉพาะพวกหวานเย็น (ก็อากาศมันร้อนนี่นา) หลังจากนั้นกินข้าวเท่าแมวดมแต่เน้นกับข้าวและผักเป็นการใหญ่เลย
2. ผิวหนังหน้าท้องขยายเส้นบริเวณท้อง ลานนมและหัวนมมีสีคล้ำขึ้น การเปลี่ยนแปลงนี้เป็นเรื่องปกติ ว่าที่คุณแม่ไม่ต้องตกใจไปนะคะ เมื่อเลย 4 เดือนไปแล้ว กลีบต่อมน้ำนมจะเริ่มขยายและมีเซลล์ต่อมน้ำนมเกิดขึ้นชัดเจน ต่อมน้ำนมจะสร้างน้ำคัดคลั่งที่เป็นสีใสขุ่น แต่ยังไม่เป็นสีน้ำนม ซึ่งน้ำคัดหลั่งนี้อุดมด้วยสารภูมิต้านทานและเซลล์เม็ดเลือด และไขมัน ซึ่งเราเรียกว่า คอลลอสตรัม (colostrum) เมื่อตั้งครรภ์ได้ประมาณ 6 เดือน ต่อมน้ำนมจะขยายเพิ่มขึ้น มีเลือดมาเลี้ยงมากขึ้นจนเห็นเส้นเลือดดำใต้ผิวหนังขยาย รวมทั้งมีเซลล์กล้ามเนื้อรอบ ๆ ท่อน้ำนมหนาขึ้นเพื่อพร้อมให้นมลูกต่อไป ส่วนการขยายตัวของหน้าท้องอาจจะทำให้เกิดท้องลายได้ ดังนั้นควรใช้โลชั่นทาเพื่อให้ผิวหนังหน้าท้องชุ่มชื่นเสมอเพื่อป้องกันผิวหนังแห้ง เวลาผิวแห้งเราจะเกาเพื่อแก้ปัญหาอาการคัน ทำให้เป็นรอยแดงและอาจเกิดการอักเสบได้
3. ริดสีดวงช่วงเวลาที่คุณท้องทำให้คุณมีโอกาสเป็นริดสีดวงทวารได้ง่ายขึ้น เนื่องจากมดลูกที่มีขนาดใหญ่ขึ้นไปกดทับเส้นเลือดดำบริเวณด้านขวาของร่างกาย ทำให้ระบบไหลเวียนเลือดบริเวณนั้นทำงานไม่ปกติ ส่งผลให้เส้นเลือดดำบริเวณทวารหนักปูดออกมา เวลาขับถ่ายจึงเกิดการเสียดสีและเกิดเลือดออกบริเวณทวารหนัก สร้างความระคายเคืองและความเจ็บปวด หากคุณเป็นริดสีดวงแล้วคุณควรพยายามรักษาความสะอาดบริเวณทวารหนัก และใช้กระดาษทิชชูนิ่ม ๆ ซับให้แห้ง หมั่นแช่ก้นในน้ำอุ่นครั้งละ 15 นาที หรือลองแช่น้ำอุ่นสลับกับการประคบน้ำแข็งก็ได้ค่ะ หรือกลั้นใจดันริดสีดวงให้กลับเข้าไปข้างในทวารหนักแล้วขมิบก้นไว้สักพัก ก่อนทำควรล้างมือให้สะอาดทุกครั้ง วันหนึ่งอาจจะต้องทำหลายครั้งสักหน่อย ถ้าลองทำแล้ว 2-3 วันยังไม่รู้สึกดีขึ้นก็ควรไปพบแพทย์ แพทย์จะดันริดสีดวงกลับเข้าไปให้คุณพร้อมทั้งให้ยาเหน็บก้นเพื่อลดการเสียดสีและหล่อลื่นบริเวณทวารหนัก และยาผสมกับน้ำเพื่อทำให้อุจจาระไม่แข็ง จะได้ถ่ายได้สะดวก ไม่เจ็บและไม่มีเลือดไหล ที่สำคัญคุณควรทานอาหารที่มีกากใยเพื่อช่วยในการขับถ่าย หลีกเลี่ยงการท้องผูก ดื่มน้ำเยอะ ๆ และเวลาตั้งครรภ์คุณไม่ควรซื้อยาทานเองนะคะ
4. ตะคริวตะคริวนั้นอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุจนก่อให้เกิดการเกร็งของกล้ามเนื้ออย่างรุนแรงกล้ามเนื้อขาของเราอาจจะแบกรับน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น มดลูกที่ขยายใหญ่ขึ้นอาจไปกดทับเส้นเลือดดำใหญ่ของขา ประกอบกับฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงไปขณะตั้งครรภ์ร่วมด้วย นอกจากนี้ ตะคริวยังเกิดจากการขาดสารอาหารบางอย่าง เช่น แคลเซียม แมกนีเซียม และเกลือในกระแสเลือด เนื่องจากเด็กดึงสารอาหารเหล่านี้ผ่านรกไปใช้เพื่อการเจริญเติบโตในครรภ์ ไม่ว่าจะเกิดจากสาเหตุอะไรก็ตาม ความเจ็บปวดจากตะคริวก็ทำให้เราสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึกได้ทันที ทางที่ดี ว่าที่คุณแม่ควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเพื่อลดการเกร็งตัวของกล้ามเนื้อ นอกจากนี้ยังสามารถใช้วิธีการแช่น้ำอุ่นเพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อบริเวณน่องที่เป็นตะคริว ดื่มน้ำให้เพียงพอและรับประทานอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่ด้วยนะคะ