เมื่อตั้งครรภ์คุณแม่ต้องปรับเปลี่ยนวิธีการรับประทานอาหารให้เหมาะสมตาม สรีระที่เปลี่ยนไป และอาหารที่รับประทานต้องมีประโยชน์ เพื่อลูกในครรภ์จะได้รับสารอาหารที่ดีอย่างเพียงพอ ไม่มากจนเกินความจำเป็นเพราะถ้ารับประทานมากจนเกินไปอาจเป็นส่วนเกินส่งผล ให้ร่างกายของคุณแม่เพิ่มมากยิ่งขึ้น เดือดร้อนถึงช่วงหลังคลอดที่ต้องมานั่งหาวิธีกำจัดไขมันส่วนเกินนี้ออกไป ส่วนจะทานอย่างไรให้พอดีนั้นเรามี 6 เรื่องแนะนำการทานอาหารของคุณแม่ท้องมาฝากกันค่ะ
6 เรื่องแนะนำการทานอาหารของคนท้อง มีดังนี้
1. คุณแม่ท้องควรแบ่งอาหารออกเป็นมื้อเล็กๆ วันละ 5-6 มื้อ และไม่ควรทานอาหารครั้งละมากๆ เพราะจะทำให้คุณแม่อึดอัดท้องได้ค่ะ
2. คุณแม่ท้องควรทานอาหารที่มีโปรตีนมากกว่าแป้ง เพราะอาหารที่มีโปรตีนนั้นจะช่วยในเรื่องการเสริมสร้างเนื้อเยื้อต่างให้แก่ ลูกน้อยในครรภ์ โปรตีนชั้นดีคุณแม่หาได้ง่ายๆ จาก ปลา ซึ่งมีวิตามินสูงและไขมันต่ำอีกด้วยค่ะ
3. คุณแม่ท้องควรทานอาหารที่ มีธาตุเหล็กสูง เพราะธาตุเหล็กจะช่วยสร้างเม็ดเลือดแดง เช่น ตับ เครื่องในสัตว์ ไข่แดง ให้คุณแม่ท้องกินธาตุเหล็กควบคู่กับอาหารที่มีวิตามินซีสูง เช่น ฝรั่ง ส้ม เพราะจะทำให้ร่ายกายดูดซึมธาตุเหล็กได้ดีขึ้นค่ะ
4. คุณแม่ท้องควรรับประทานแคลเซียมให้มาก เพราะแคลเซียมช่วยในการสร้างกระดูกให้ทารกในครรภ์ เช่น นม ปลาเล็กปลาน้อย กุ้งฝอย ผักใบเขียว
5. คุณแม่ท้องควรรับประทานผักและผลไม้ทุกวันหรือในระหว่างมื้ออาหาร หรืออาหารที่ให้กากใยสูง เพื่อช่วยป้องกันไม่ให้คุณแม่ท้องผูกระหว่างตั้งครรภ์ค่ะ
6. คุณแม่ท้องควรดื่มน้ำให้เพียงพออย่างน้อยวันละ 8-10 แก้ว เพื่อป้องกันอาการท้องผูกค่ะ
ในระหว่างที่ตั้งครรภ์การรับประทานอาหารของคุณแม่แต่ละครั้งถือเป็นเรื่อง สำคัญมาก น้ำหนักที่เพิ่มขึ้นทุกเดือนก็สำคัญเช่นเดียวกัน คุณแม่ที่เริ่มตั้งครรภ์ 1-3 เดือนแรกน้ำหนักอาจยังไม่เพิ่มขึ้นมากหรือบางคนน้ำหนักอาจจะลดเพราะอาการแพ้ ท้องหนัก ถ้าน้ำหนักขึ้นก็ไม่เกิน 1-2 กิโลกรัม และหลังจากนั้นน้ำหนักของคุณแม่จะเพิ่มขึ้นประมาณสัปดาห์ละ ½ กิโลกรัม และจะขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงเดือนท้ายๆของการตั้งครรภ์ ตลอดการตั้งครรภ์น้ำหนักของคุณแม่ไม่ควรขึ้นเกิน 15 กิโลกรัม น้ำหนักที่ขึ้นมานี้จะไปอยู่ที่ตัวลูกเพียง 3-4 กิโลกรัมเท่านั้นค่ะ
Photo Cr:healthxchange.com.sg