2.ระวังการใช้ยาระหว่างตั้งครรภ์
แม่ท้องควรรับประทานยาตามแพทย์สั่งเท่านั้น หากไม่จำเป็นไม่ควรหายามาทานเอง อีกทั้งแม่ท้องต้องแจ้งทุกครั้งว่ากำลังตั้งครรภ์ อายุครรภ์กี่สัปดาห์ เนื่องจากยาบางชนิดอาจส่งผลทำให้ลูกน้อยในครรภ์พิการ โตช้า หรืออาจเสียชีวิตในครรภ์ได้โดยเฉพาะช่วงไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์
หากก่อนหน้าที่จะตั้งครรภ์นั้น แม่ท้องกินยาอย่างเช่น ยาแก้สิว ยาแก้ปวดท้อง หรืออาหารเสริมต่างๆ คุณแม่ควรนำยาที่กินไปปรึกษาคุณหมอว่ายังกินต่อไปได้หรือไม่ เพื่อจะได้ไม่ส่งผลกระทบที่เป็นอันตรายต่อลูกในท้อง
3.หลีกเลี่ยงบุหรี่และเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ สารนิโคตินในบุหรี่สามารถส่งผ่านไปยังทารกทางรกได้ ซึ่งจะเข้าไปกดการทำงานของสมองส่วนที่ควบคุมการหายใจและการเต้นของหัวใจ ไม่ว่าจะมาจากการที่แม่ท้องสูบบุหรี่เองหรือได้รับควันพิษจากควันบุหรี่มือสองก็ตาม
ควันบุหรี่ที่ส่งผ่านไปยังลูกน้อยส่งผลให้ลูกคลอดออกมาตัวเล็กกว่าปกติ น้ำหนักน้อย หัวใจเต้นเร็วกว่าเด็กปกติ มักจะเจ็บป่วยด้วยโรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ และอาจทำให้เกิดความพิการรุนแรง หรือมีพัฒนาการทางสติปัญญาช้า เหมือนเด็กปัญญาอ่อน
และหากแม่ท้องดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงแรกของการตั้งครรภ์ แอลกอฮอล์ก็จะไปทำลายเซลล์ประสาท ทำให้ทารกมีปัญหาการเจริญเติบโต มีปัญหาด้านความจำ และนอกจากนั้นยังทำให้เด็กทารกมีร่างกายที่ผิดปกติ สายตาสั้น จมูกแบน ปลายจมูกเชิดขึ้น บริเวณส่วนกลางใบหน้ามีการพัฒนาน้อยกว่าปกติ ซึ่งเป็นกลุ่มอาการเฉพาะของทารกที่เกิดจากมารดาดื่มแอลกอฮอล์ที่เรียกว่า Fetal alcohol syndrome
4.ไม่อดอาหารการลดน้ำหนักและการอดอาหารนั้น หากคุณหมอไม่ได้แนะนำว่าต้องจำกัดอาหาร ก็ควรรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ที่ได้รับสารอาหารครบถ้วน และเพียงพอต่อความต้องการในแต่ละวันของร่างกาย
ผลจากการวิจัยพบว่า แม่ท้องที่อดอาหารมีอัตราคลอดก่อนกำหนดสูง และการอดอาหารส่งผลทำให้สมองของทารกพิการ เนื่องจากขาดสารอาหารที่จะช่วยบำรุงสมองของทารก ซึ่งลูกน้อยควรจะได้รับการบำรุงในขณะที่ยังอยู่ในครรภ์อย่างเต็มที่
5.หลีกเลี่ยงการซาวน่าการซาวน่ามีความเสี่ยงกับแม่ท้องเนื่องจากความร้อนทำให้ร่างกายขาดน้ำและเกลือแร่ที่จำเป็น ส่งผลให้เลือดข้น มีโอกาสที่จะเกิดการอุดตันของเส้นเลือด ทำให้เลือดไปเลี้ยงทารกในครรภ์น้อยลง ทำให้เจริญเติบโตไม่เต็มที่และอาจส่งผลเสียจนถึงขั้นแท้งบุตรได้
6.แม่ท้องต้องไม่เครียดความเครียดของแม่ท้องจะไปกระตุ้นการผลิตสารเคมีและฮอร์โมนต่างๆในร่างกายที่ทำให้หลอดเลือดแคบลง เกิดอาการออกซิเจนไปเลี้ยงลูกน้อยในครรภ์ไม่เพียงพอ ส่งผลต่อการเจริญเติบโตของทารก ทำให้เกิดการคลอดก่อนกำหนด และทำให้เด็กมีน้ำหนักตัวต่ำกว่าเกณฑ์
นอกจากนี้แล้ว ความเครียดสามารถส่งผ่านไปยังลูกน้อยในครรภ์ได้ เมื่อลูกได้รับความเครียด สมองก็จะสั่งการให้เตรียมพร้อมเพื่อตอบสนองต่อความเครียดเหล่านั้น ซึ่งหากสมองทองทารกมีการตอบสนองที่มากเกินไปก็อาจเสี่ยงที่จะเกิดโรคสมาธิสั้นหรือโรกในกลุ่มออทิสติกได้ครับ