เลือดออกขณะตั้งครรภ์ อันตรายแค่ไหน?

เลือดออกขณะตั้งครรภ์เป็นสิ่งที่คุณแม่ตั้งครรภ์ทุกคนไม่อยากจะให้เกิดขึ้น การที่คุณแม่เลือดออกขณะตั้งครรภ์มีสาเหตุเกิดได้หลายอย่าง ซึ่งสามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภทคือ เลือดออกขณะตั้งครรภ์แบบเป็นอันตราย และ ไม่เป็นอันตราย ดังนี้..

เกิดจาการที่ตัวอ่อนฝังตัวกับผนังมดลูก ทำให้เส้นเลือดฝอยบริเวณนั้นเกิดการฉีกขาด จึงทำให้มีเลือดไหลออกมา สีของเลือดจะออกสีคล้ำๆหรือน้ำตาลปนแดง ไม่มีอาการปวดท้องและจะมีเลือดออกแค่ 1-2 วันเท่านั้น

อาจเกิดจากการเสียดสี หรือการมีเพศสัมพันธ์ซึ่งเลือดออกลักษณะนี้ก็ไม่มีผลอันตรายต่อตัวทารกในครรภ์

อาจเกิดจากอาการคันเพราะตกขาวหรือมีอาการอักเสบเนื่องจากการติดเชื้อเพราะในขณะตั้งครรภ์คุณแม่จะมีตกขาวมากกว่าปกติ จึงทำให้มีเลือดออกขณะตั้งครรภ์ได้ค่ะ

โดยปกติแล้วเมื่อมีการปฏิสนธิตัวอ่อนจะต้องไปฝังตัวบริเวณโพรงมดลูก แต่ก็มีไม่น้อยที่ตัวอ่อนไปฝังตัวตรงบริเวณท่อนำไข่ คุณแม่จะมีอาการเหมือนคนท้องทุกอย่าง จนกว่าจะรู้สึกว่ามีเลือดไหล หรือมีอาการปวดท้องหรือไม่ปวดท้องร่วมด้วย เมื่อมาพบแพทย์ให้คุณหมออัลตร้าซาวด์ดูอาจพบว่าตัวอ่อนไม่ฝังตัวในตำแหน่งที่เหมาะสม คุณแม่ต้องยุติการตั้งครรภ์ทันทีเพราะทารกจะไม่สามารถเจริญเติบโตได้และจะเป็นอันตรายต่อตัวคุณแม่อีกด้วย

ซึ่งอาจจะเกิดมาจากตัวทารกไม่สมบูรณ์หรือมีความผิดปกติบางอย่าง คุณแม่จะมีอาการปวดท้องและมีเลือดออก ดังนั้นควรรีบไปพบแพทย์ทันทีค่ะ

เป็นลักษณะที่ทารกฝังตัวอยู่ใกล้ปากมดลูกมากเกินไป ทำให้มดลูกขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆจนเกิดอาการฉีกขาดได้ และอาจทำให้คุณแม่มีอาการคลอดก่อนกำหนด หรือคุณแม่บางคนอาจมีอาการตกเลือดหลังคลอดได้ค่ะ

เกิดจากตัวอ่อนผิดปกติ ไม่เจริญเติบโต ไข่ฝ่อหรือมีแต่รกไม่มีตัวเด็ก ร่างกายก็จะทำการขับสิ่งเหล่านี้ออกมาจากร่างกายตามธรรมชาติ คุณแม่จะมีอาการเลือดไหลและปวดท้อง จนรกหลุดลอกออกมาจนหมด ซึ่งอาการเหล่านี้คืออาการแท้งมักจะเกิดกับคุณแม่ที่มีอายุครรภ์ไม่เกิน 28 สัปดาห์ค่ะ

ถ้าทารกไปฝังตัวบริเวณนั้นอาจทำให้มีอาการเลือดไหล และอาจส่งผลทำให้ทารกไม่สามารถเจริญเติบโตได้

ส่วนมากมักเกิดกับคุณแม่ตั้งครรภ์ช่วงแรกๆ เพราะในช่วงนี้ผนังมดลูกยังบอบบางอยู่มาก ถ้าได้รับความกระทบกระเทือนอาจทำให้ผนังมดลูกเกิดการฉีกขาดและทำให้มีเลือดไหลออกมาได้ค่ะ