Q&A เรื่องที่คุณแม่ตั้งครรภ์ต้องรู้! เกี่ยวกับ COVID-19
คำแนะนำ เนื่องจากโรค COVID-19 เป็นโรคติดเชื้อที่เพิ่งเกิดขึ้นใหม่และมีการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับตัวโรคยังมีจำกัด รวมถึงแนวทางการดูแลรักษาสามารถมีการเปลี่ยนแปลงได้เมื่อพบข้อมูลใหม่ ดังนั้นทุกคนจึงควรติดตามข้อมูลอย่างต่อเนื่อง เพื่อดูแลและป้องกันสุขภาพของตนเองให้ปลอดภัยมากที่สุด
ไวรัสโคโรน่า (Coronavirus) คืออะไร?
Coronavirus เป็นชื่อตระกูลไวรัสชนิดหนึ่ง ซึ่งเป็นสาเหตุของการติดเชื้อในคนและสัตว์ เช่น อูฐ, สัตว์ในปศุสัตว์, แมว และค้างคาว เป็นต้น โดยการติดเชื้อในคนส่วนใหญ่จะมีอาการที่ไม่รุนแรง มีอาการคล้ายเป็นโรคหวัดทั่วไป (common cold) คือ มีไข้ ไอ จาม เป็นต้น
แล้ว COVID-19 คืออะไรกันแน่?
COVID-19 ก็เป็นหนึ่งในเชื้อไวรัสตระกูล Corona ซึ่งพบการติดเชื้อได้บ่อยในคนและสัตว์ แต่เป็นเพียงหนึ่งในไม่กี่สายพันธุ์ที่สามารถติดต่อจากสัตว์มาทำให้เกิดโรคในคนได้ โดย COVID-19 จะอาจส่งผลให้เกิดการติดเชื้อทางเดินหายใจชนิดรุนแรง และอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้ ซึ่งในอดีตเราก็เคยพบการติดต่อของเชื้อไวรัส Corona จากสัตว์มาสู่คนจนเกิดการระบาดที่รุนแรงมาแล้ว อย่างเช่น การระบาดของเชื้อ MERS-CoV และ SARS-CoV ซึ่งการระบาดในปัจจุบันก็คล้ายเคียงกันกับในอดีต เพียงแต่เกิดจากเชื้อไวรัส COVID-19 หรือชื่อเต็มคือ SARS-CoV-2 นั่นเอง
COVID-19 จะส่งผลกับคุณแม่ตั้งครรภ์อย่างไร?
ปัจจุบันมีรายงานการติดเชื้อ COVID-19 ในสตรีตั้งครรภ์ไม่มากนัก โดยพบหลักฐานที่มีรายงานทางการแพทย์ ดังนี้
-ไม่พบหลักฐานว่าสตรีตั้งครรภ์มีโอกาสติดเชื้อ COVID-19 มากกว่าคนทั่วไป
-ไม่พบหลักฐานว่าสตรีตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อ COVID-19 จะมีอาการแตกต่างจากคนทั่วไป หรือมีความเสี่ยงสูงที่โรคจะรุนแรงกว่า แต่แนะนำว่าสตรีตั้งครรภ์ยังควรระวัง
-การติดเชื้อทางเดินหายใจอื่น เช่น ไข้หวัดใหญ่ (Influenza) ซึ่งสตรีตั้งครรภ์เป็นกลุ่มเสี่ยงสูงที่เมื่อเป็นโรคจะมีอาการรุนแรงกว่าคนทั่วไป
-ไม่พบหลักฐานว่าการติดเชื้อ COVID-19 ส่งผลกระทบต่อการตั้งครรภ์หรือสุขภาพของทารกในครรภ์และทารกหลังคลอด
-ไม่พบหลักฐานว่าสตรีตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อ COVID-19 สามารถแพร่เชื้อ COVID-19 ไปยังทารกในครรภ์หรือทารกหลังคลอด โดยไม่สามารถตรวจพบเชื้อ COVID-19 จากน้ำคร่ำ, เลือดจากสายสะดือทารก, สารคัดหลั่งในช่องคลอด, สารคัดหลั่งที่ป้ายจากลำคอทารกแรกเกิด หรือน้ำนม
-สตรีหลังคลอดที่ติดเชื้อ COVID-19 สามารถให้นมบุตรได้ แต่ต้องระวังการแพร่เชื้อไปยังทารก โดยการล้างมือก่อนสัมผัสทารก, ใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลาที่ให้-นมบุตร, ในกรณีที่ใช้เครื่องปั๊มนม ให้ล้างมือก่อนสัมผัสขวดนมหรืออุปกรณ์ต่างๆ และทำความสะอาดอุปกรณ์ทุกอย่างหลังการใช้งาน หรืออาจพิจารณาให้คนอื่นใน-ครอบครัวหรือพี่เลี้ยงที่มีสุขภาพแข็งแรงนำนมแม่ที่ปั๊มมาป้อนให้ทารกแทนคุณแม่ตั้งครรภ์ควรป้องกันตัวเองจากเชื้อ COVID-19 อย่างไร?
-ปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนสำหรับการป้องกันโรค COVID-19
-การป้องกันที่ดีที่สุด คือ การหลีกเลี่ยงโอกาสที่จะสัมผัสเชื้อ COVID-19 โดยการ
-หลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้ชิดบุคคลอื่น (social distancing) ควรอยู่ห่างกันประมาณ 6 ฟุต (180 ซม) ขึ้นไป
-สวมใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลาที่อยู่ในสถานที่สาธารณะ
ล้างมือทำความสะอาดบ่อยๆ โดยการใช้สบู่ล้างมือเป็นเวลาอย่างน้อย 20 วินาที โดยเฉพาะหลังการเดินทางไปยังสถานที่สาธารณะ หรือหลังการไอ จาม
-หากใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนผสม ควรมีความเข้มข้นอย่างน้อย 70% และเช็ดถูให้ทั่วทั้งมือจนกว่าจะรู้สึกแห้ง
-หลีกเลี่ยงการสัมผัสหน้า, ตา, จมูก และปาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ายังไม่ได้ล้างทำความสะอาดมือ
-หลีกเลี่ยงการใกล้ชิดหรือสัมผัสบุคคลที่กำลังป่วย หรือมีความเสี่ยงที่จะได้รับเชื้อ COVID-19
-ทำความสะอาดสิ่งของหรืออุปกรณ์ที่ต้องสัมผัสบ่อยๆทุกวัน เช่น โต๊ะ, ลูกบิดประตู, สวิตช์ไฟ, โทรศัพท์, คอมพิวเตอร์, ห้องน้ำ เป็นต้นเชื้อ COVID-19 แพร่กระจายจากคนสู่คน (person-to-person) เป็นส่วนใหญ่
-เชื้อ COVID-19 จะอยู่ในละอองน้ำมูกและน้ำลาย ซึ่งออกมาเวลาไอ จาม
-ละอองน้ำมูกและน้ำลายเหล่านี้ สามารถเข้าไปในปากหรือจมูกของคนอื่นที่อยู่ใกล้ หรืออาจถูกสูดหายใจเข้าลงในปอดได้
คุณแม่ตั้งครรภ์จำเป็นต้องตรวจหาเชื้อ COVID-19 หรือไม่?
-กรณีที่มีอาการเจ็บป่วย ไข้ ไอ หายใจติดขัด เจ็บคอ มีน้ำมูก ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจและรับการรักษา ในรายที่ต้องสงสัยการติดเชื้อ COVID-19 แพทย์จะส่งตรวจหาเชื้อไวรัสทันที
-กรณีที่ไม่มีอาการเจ็บป่วย แพทย์จะประเมินว่าเป็นผู้สัมผัสความเสี่ยงสูงหรือไม่ ถ้าใช่จะได้รับการตรวจหาเชื้อไวรัส
-ผู้สัมผัสความเสี่ยงสูง หมายถึง ผู้สัมผัสที่มีโอกาสสูงในการรับหรือแพร่เชื้อกับผู้ป่วย ประกอบด้วย
-ผู้สัมผัสใกล้ชิดหรือมีการพูดคุยกับผู้ป่วยในระยะ 1 เมตร นานกว่า 5 นาที หรือถูกไอจามรดจากผู้ป่วยโดยไม่มีการป้องกัน เช่น ไม่สวมหน้ากากอนามัย
-ผู้ที่อยู่ในบริเวณที่ปิด ไม่มีการถ่ายเทอากาศ เช่น ในรถปรับอากาศ ห้องปรับอากาศ ร่วมกับผู้ป่วยและอยู่ห่างจากผู้ป่วยไม่เกิน 1 เมตร นานกว่า 15 นาที โดยไม่มีการป้องกัน
-กรณีที่เป็นผู้มีความเสี่ยง โดยการมีประวัติในช่วงเวลา 14 วันก่อนวันเริ่มป่วย อย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้
-มีประวัติเดินทางไปยัง หรือมาจาก หรืออยู่อาศัยในพื้นที่ที่มีรายงานการระบาดของโรค COVID-19
-มีผู้ที่อยู่อาศัยร่วมบ้านเดินทางกลับมาจากพื้นที่ที่มีรายงานการระบาดของโรค COVID-19
-เป็นผู้ที่ประกอบอาชีพที่สัมผัสใกล้ชิดกับนักท่องเที่ยวต่างชาติ
-มีประวัติใกล้ชิดหรือสัมผัสกับผู้ป่วยเข่าข่ายหรือยืนยันโรค COVID-19
-สามารถตรวจหาเชื้อ COVID-19 ได้ที่โรงพยาบาลของรัฐบาลและโรงพยาบาลเอกชนขนาดใหญ่ ทั่วประเทศไทย
-การตรวจจะเป็นการใช้ไม้สอดเข้าไปภายในโพรงจมูกและลำคอ ป้ายเอาสารคัดหลั่งมาตรวจหาเชื้อ
หากคุณแม่ตั้งครรภ์ติดเชื้อ หมอจะทำอย่างไร?
สูติแพทย์จะให้การดูแลรักษาสตรีตั้งครรภ์ทุกคนระหว่างการตั้งครรภ์และการคลอดตามมาตรฐานเหมือนปกติ
การดูแลสตรีตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อ COVID-19 จะไม่แตกต่างจากสตรีตั้งครรภ์ที่ไม่ติดเชื้อ
แต่ในการดูแลสตรีตั้งครรภ์ทุกคน สูติแพทย์จะมีการเพิ่มความระมัดระวังการสัมผัสหรือแพร่เชื้อ COVID-19 ระหว่างการตรวจครรภ์และการทำคลอด ตามนโยบายการดูแลรักษาในปัจจุบัน
วิธีการคลอดให้เป็นไปตามข้องบ่งชี้ทางการแพทย์ ไม่มีความจำเป็นต้องผ่าท้องคลอด
เครดิตแหล่งข้อมูล : phyathai