เด็ก ๆ ก่อนวัยเรียน ในช่วง 2-3 ขวบ ควรมีโอกาสในการเตรียมความพร้อมสำหรับที่จะเข้าเรียนอนุบาล และพร้อมช่วยเหลือตัวเองได้ในระดับหนึ่ง รวมถึงอีกหลายปัจจัยเข้ามาประกอบทั้งเรื่องของสังคม อารมณ์ความรู้สึก ความรู้ ความเข้าใจ และพัฒนาการของกล้ามเนื้อต่าง ๆ ซึ่งเด็กแต่ละคนจะมีความสามารถในการพัฒนาตนเองที่แตกต่างกัน เช็กความพร้อมของลูกของคุณดู หากเจ้าตัวเล็กมีสัญญาณเหล่านี้แสดงว่าเขาอาจจะยังไม่พร้อมสำหรับการเข้าเรียนอนุบาลก็ได้
5 สัญญาณบ่งบอกว่าลูกยังไม่พร้อมเข้าเรียนอนุบาล
1.ยังไม่ได้ฝึกการใช้ห้องน้ำ หรือยังคงต้องการความช่วยเหลืออย่างมากในการทำกิจวัตรประจำวัน
เด็กในวัยก่อนอนุบาลต้องเริ่มหัดใช้ห้องน้ำเพื่อทำธุระส่วนตัวเองได้ หรือแม้แต่การช่วยเหลือตัวเองเล็ก ๆ น้อย ๆ ลองดูซิว่าลูกหัดใส่เสื้อผ้าหรือกางเกงเองได้หรือยัง เริ่มที่อยากจะเรียนรู้การติดกระดุมหรือรูดซิปบ้างหรือเปล่า สวมใส่รองเท้าเองได้ไหม แม้แต่การตักอาหารกินข้าวด้วยตัวเอง เหล่านี้คุณได้เริ่มหัดให้ลูกเตรียมพร้อมก่อนที่จะเข้าอนุบาลหรือยัง เพราะเมื่อเด็ก ๆ ได้ไปโรงเรียนที่มีเพื่อนคนอื่นอยู่ในห้องราว 20 คนหรือมากกว่าและมีครูหนึ่งหรือสองคนเป็นผู้ดูแลนั้นความมีอิสระและการสามารถที่จะทำอะไรได้ด้วยตัวเองนั้นสำคัญมากเวลาอยู่ในห้องเรียน
2.สามารถรับฟังหรือปฏิบัติตามคำสั่งได้หรือไม่
คุณพ่อคุณแม่ลองออกคำสั่งให้ลูกลองทำตามซัก 2-3 ข้อ เช่น สวมเสื้อผ้าให้เรียบร้อย ออกไปใส่รองเท้า แล้วยืนรออยู่หน้าประตู หรือเอามือปิดหู ยืนขึ้น และกระโดด 3 ครั้ง ลองดูว่าคำสั่งเหล่านี้ลูกสามารถทำได้เองทั้งหมดหรือไม่หรือร้องขอพ่อแม่ให้ช่วยตรงจุดไหนหรือเปล่า เพราะการเรียนอนุบาลนั้นจะเป็นการเริ่มต้นให้ลูก ๆ ได้รู้จักรับฟังและสามารถทำตามคำสั่งได้ ถ้าลูกสามารถทำสิ่งที่บอกก็แสดงว่าเขาเองก็มีความพร้อมในระดับนึงแล้วล่ะ
3.รู้สึกแย่มากเวลาไม่มีพ่อแม่อยู่ด้วย
เป็นเรื่องปกติไปแล้วที่เราจะเห็นเด็ก ๆ เกือบทุกคนร้องไห้งอแงเมื่อไปโรงเรียนวันแรก เพราะต้องรู้สึกแยกห่างจากพ่อแม่ แต่หลังจากนั้นไม่กี่สัปดาห์คุณจะเห็นว่าลูกของคุณเก่งพอที่จะกล่าวสวัสดีและโบกมืออำลาพ่อแม่เดินเข้าโรงเรียนได้อย่างสบายใจ ดังนั้นถ้าลูก ๆ ของคุณนั้นยังไม่เคยได้ไปโรงเรียนสำหรับเด็กก่อนวัยเรียนหรือสถานรับเลี้ยงเด็กมาก่อน คุณอาจจะฝึกการกล่าวคำลาที่บ้าน เช่น ก่อนออกไปทำงาน หรือในโอกาสต่าง ๆ เพื่อให้ลูกได้รู้จักการร่ำลาสวัสดีและรับรู้ว่าพ่อแม่จะกลับมาหาพวกเขาในตอนเย็น
4.มีทักษะในการเรียนรู้ร่วมกับเด็กคนอื่น ๆ
การทำงานร่วมกันเป็นกลุ่มนั้นถือเป็นเรื่องที่ยากแม้แต่กับผู้ใหญ่เองก็ตาม แต่ด้วยพื้นฐานของความเป็นเด็กนั้นพวกเค้าสามารถที่จะมีปฏิสัมพันธ์และเล่นกับคนอื่นได้ ดังนั้นพ่อแม่ควรสอนลูกให้เริ่มรู้จักแบ่งปันและพาเด็ก ๆ ไปทำกิจกรรมร่วมกันเด็กคนอื่น เพื่อสังเกตดูว่าลูกมีความสามารถพื้นฐานในการที่จะเล่นร่วมกับผู้อื่นไหม หรือพวกเขายอมรับความคิดในการที่จะเล่นร่วมกับผู้อื่นหรือเปล่า พวกเขารู้จักที่จะแบ่งปันไหม และสามารถเข้ากับเพื่อนในรุ่นเดียวกันได้หรือเปล่า เป็นต้น
5.สามารถสื่อสารบอกสิ่งที่ต้องการให้กับผู้ใหญ่หรือคุณครูได้หรือไม่
ลูกควรที่จะสื่อสารถึงความต้องการพื้นฐานของเขาได้ อย่างเช่นเวลาที่ต้องการเข้าห้องน้ำ หิวน้ำ ปวดท้อง ฯลฯ ซึ่งส่วนนี้เป็นเรื่องของการไว้ใจและเป็นการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างตัวเด็กกับคุณครู ที่มันอาจจะต้องใช้เวลาและความคุ้นเคย แต่โดยรวมทั้งหมดแล้วลูกควรจะสื่อสารบอกสิ่งที่เขาต้องการกับคุณครูได้
แม้ว่าบางโรงเรียนนั้นจะอนุญาตรับเด็กก่อนเกณฑ์เข้าโรงเรียน แต่พ่อแม่ก็ควรดูความพร้อมของลูกและต้องพิจารณาจากช่วงวันที่เกิดด้วยว่าเป็นไปตามเกณฑ์ไหม ถ้าลูกอยู่ในช่วงอายุที่ "ต่ำกว่าเกณฑ์" สำหรับนักเรียนในชั้นเรียน ก็ควรพิจารณาว่าหากรอเวลาอีกสักปีเพื่อให้ลูกได้มีพัฒนาการการเติบโตมากขึ้นหรือเด็กบางคนอาจต้องการเวลาในการเสริมสร้างทักษะให้ดีพร้อมและการเรียนรู้ที่ดีขึ้นก่อนที่จะเข้าอนุบาล ดังนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการเตรียมพื้นฐานอย่างถูกต้องสำหรับการเรียนรู้และการเจริญเติบโตเพื่อให้ลูกพร้อมสำหรับการไปโรงเรียน