5 เรื่องควรระวัง สำหรับลูกรักแรกเกิด
ลูกน้อยแรกเกิดยังบอบบางมาก คุณพ่อคุณแม่ต้องคอยใส่ใจดูแลในเรื่องความปลอดภัยเป็นพิเศษ เพื่อสุขภาพและพัฒนาการที่ดีของลูก
1. อย่าเพิ่งเที่ยวนอกบ้าน
ลูกน้อยวัยนี้ภูมิคุ้มกันในร่างกายยังทำงานไม่สมบูรณ์เต็มที่ ทั้งยังไม่ได้รับวัคซีนป้องกันโรคต่างๆ การพาเด็กไปอยู่ในสถานที่ที่เต็มไปด้วยฝุ่นละออง มลพิษ เชื้อโรค หรือฝุ่นละออง ฯลฯ ก็จะทำให้เสี่ยงที่ร่างกายจะรับเชื้อโรคและเจ็บป่วยได้ง่าย ควรให้อยู่ในบ้านก่อนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงก่อนออกไปผจญกับโลก ภายนอก และให้อยู่ในสถานที่ปลอดภัยด้วยนะคะ
2. ห้ามกินอย่างอื่นนอกจากนม
เด็กแรกคลอดอาหารหลักชนิดเดียวคือน้ำนมแม่ เพราะกระเพาะอาหารและลำไส้ลูกยังไม่พร้อมที่จะรับอาหารชนิดอื่น เมื่อกินเข้าไปอาจจะทำให้ท้องเสียและเกิดป่วยได้ ส่วนอาหารเสริมเริ่มให้กินได้เมื่ออายุครบ 6 เดือนที่ระบบย่อยของลูกพร้อมแล้วค่ะ
3. ใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กเท่านั้น
ผิวหนัง ลูกแรกคลอดบางใสเหมือนปีกแมงปอจนสามารถมองเห็นเส้นเลือดข้างใน แถมบนผิวก็ยังไม่มีแบคทีเรียที่ช่วยป้องกันเชื้อโรคภายนอกได้เหมือนผู้ใหญ่ ผิวลูกช่วงนี้จึงบอบบางมีโอกาสแพ้ง่ายทั้งยังเกิดแผลถลอกได้มากกว่าปกติด้วย ค่ะ นอกจาก จะต้องสัมผัสและอุ้มลูกอย่างระมัดระวังแล้ว การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กจำเป็นค่ะ เพื่อป้องกันการระคายผิว ทั้งนี้การใช้น้ำยาซักล้าง ทำความสะอาดอุปกรณ์ของใช้ ควรเป็นผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กที่ไม่มีสารตกค้างด้วยนะคะ
4. ต้องประคองคอเวลาอุ้ม
กระดูกหรือข้อต่อของลูกแรกคลอดยังไม่แข็งแรง เรียกว่าเปราะบางและมีโอกาสบิดงอได้ง่าย ทั้งยังไม่สามารถทนต่อการรับแรงกระแทก กด ทับ ดึง หรือยื้อ ได้ โดยเฉพาะส่วนที่แตกหักบ่อยที่สุดคือ กระดูกแขน ขา มือ เท้าและไหปลาร้า การอุ้มหรือเล่นกับลูกต้องระมัดระวังช่วงข้อต่อและคอเป็นพิเศษ ส่วน ท่านอนสำหรับเด็กแรกคลอดนั้นควรให้นอนหงายโดยให้ลำตัว แขนและขาปล่อยสบายๆ ไม่ให้ส่วนใดทับหรือบิดงอ แล้วที่กังวลว่าศีรษะจะแบนนั้น ก็ยังไม่น่ากังวลเท่ากับความปลอดภัยของลูกนะคะ
5. ห้ามจับเขย่า โยน โยกอย่างรุนแรง เด็ดขาด
สมองของลูกวัยขวบปีแรกยังพัฒนาไม่เต็มที่ค่ะทั้งเส้นเลือดก็มีโอกาสฉีกขาดได้ ง่าย น้ำในช่องสมองมากกว่าเนื้อสมอง การได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง เช่น ถูกเขย่า ถูกโยก จับลูกโยนกลางอากาศ อาจจะทำให้เกิดภาวะ Shaken Baby Syndrom (SBS) คืออาการที่เนื้อสมองไปกระทบกับกะโหลกศีรษะจนมีเลือดออกในสมอง ซึ่งอาการนี้ส่งผลต่อพัฒนาการการเจริญเติบโตของลูกได้ค่ะ
ที่มา : Mumhelper
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!