คุณแม่ควรรู้!!! ร่างกายลูกน้อยต้องการน้ำมากแค่ไหน?

เด็กบางคนกินนมแล้วไม่กินน้ำ บางคนกินน้ำแต่กินนิดๆหน่อยๆ วันหนึ่งไม่ถึงแก้วด้วยซ้ำ จนคุณแม่อาจกังวลว่าแบบนี้ลูกจะได้น้ำเพียงพอหรือไม่

น้ำ ในที่นี้หมายถึงของเหลวที่ร่างกายต้องการ ซึ่งก็รวมไปถึง นม และน้ำผลไม้ด้วย ในวันหนึ่งๆลูกต้องการของเหลวประมาณ 15 เปอร์เซ็นต์ของน้ำหนักตัว เช่น ถ้าลูกหนัก 20 ปอนด์ ลูกต้องการของเหลว = 0.15 x 20 = 3 ปอนด์ (48 ออนซ์) ก็เท่ากับว่าใน 1 วันลูกควรได้รับ นม 32 ออนซ์ น้ำผลไม้ 2-4 ออนซ์และน้ำเปล่า 2 ออนซ์ = 36-38 ออนซ์ ส่วนที่เหลือลูกจะได้รับจากอาหารเสริมในแต่ละมื้อด้วย

หมายเหตุ : 2.2 ปอนด์ = 1 กิโลกรัม

ดังนั้นถ้านับนมเป็นส่วนหนึ่งของน้ำที่ร่างกายลูกต้องการ ก็ไม่ต้องห่วงว่าลูกจะได้รับน้ำไม่เพียงพอ แต่สาเหตุที่เวลาให้นมลูกควรให้น้ำด้วย เพราะเป็นการฝึกให้ลูกรู้จักกินน้ำเปล่า ที่สำคัญเป็นการล้างคราบนมที่ติดค้างอยู่ในช่องปาก และลดฝ้าขาวตามผนังช่องปากด้านบนที่เกิดจากการกินนมด้วย

ควรเริ่มตั้งแต่แรกเกิด ให้ตามหลังมื้อนมหรือระหว่างมื้อนมเลยก็ได้ค่ะ โดยเฉพาะในช่วงที่เริ่มให้อาหารเสริม ควรป้อนน้ำสะอาดให้ลูกระหว่างป้อนอาหารด้วย เริ่มให้ประมาณ 1 ช้อนชาก่อนและหลังกินอาหารเสร็จ (และก่อนให้นม) แล้วค่อยๆเพิ่มให้ได้ปริมาณ 4-6 ออนซ์ต่อวัน ที่สำคัญควรให้ลูกดื่มน้ำต้มสุกดีที่สุด และควรเปลี่ยนน้ำบ่อยๆก่อนให้ลูกดูด น้ำต้มสุกที่ให้ลูกกินควรเก็บไว้ในตู้เย็น เพราะช่วยหยุดการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียได้ แต่ไม่ควรเก็บไว้เกิน 1-2 วันนะคะ

น้ำผลไม้เป็นส่วนหนึ่งของน้ำที่จำเป็นต่อร่างกายของลูก ควรเริ่มให้ลูกกินน้ำผลไม้เมื่อมีอายุ 6-7 เดือนไปแล้ว ควรเลือกผลไม้ที่มีรสชาติอ่อนๆก่อน เช่น แอปเปิ้ล องุ่น มะละกอ ฯลฯ และเรื่องความสะอาดคือเรื่องสำคัญ ระวังเรื่องยาฆ่าแมลงตกค้างให้มากๆด้วยค่ะ (ควรแช่น้ำทิ้งไว้สัก 15-20 นาที ก่อนนำไปคั้นให้ลูก) และเมื่อคั้นเสร็จใหม่ๆควรให้ลูกดื่มเลย หลังจากนั้นดื่มน้ำเปล่าตามทุกครั้ง เพื่อล้างคราบน้ำตาลที่อยู่ตามซอกฟันและในช่องปาก

อย่าลืมว่าปริมาณของน้ำผลไม้ที่ให้ในแต่ละวัน ไม่ควรเกิน 3-4 ออนซ์ ถ้ามากกว่านั้นมีผลเสียค่ะ เพราะจะทำให้กินนมได้น้อยลง ซึ่งนมมีคุณค่าต่อร่างกายของลูกมากกว่าน้ำผลไม้มากมายนัก และทดแทนกันไม่ได้เลย หรือคุณพ่อคุณแม่บางคนใช้วิธีเติมน้ำตาลลงไปในน้ำเปล่า เพื่อช่วยให้ลูกกินน้ำเปล่ามากขึ้น แต่วิธีนี้ต้องห้ามค่ะ เพราะนอกจากจะทำให้ลูกติดรสหวานแล้ว เชื้อโรคก็ชอบน้ำตาลด้วยเหมือนกัน ทำให้มีโอกาสเพิ่มจำนวนมากขึ้นในเวลาอันรวดเร็ว

ที่มา : Mumhelper