เด็กที่มีพัฒนาการปกติจะสามารถควบคุมไม่ให้ปัสสาวะรดเสื้อผ้าตอนกลางวันได้เมื่ออายุประมาณ 2 ขวบ และไม่ปัสสาวะรดที่นอนตอนกลางคืนได้เมื่ออายุประมาณ 3 ขวบ แต่เด็กบางคนอาจพัฒนาล่าช้ากว่านั้นได้เล็กน้อย ในทางการแพทย์จะถือว่าผิดปกติเมื่อเด็กอายุมากกว่า 5 ขวบแล้วยังคงปัสสาวะรดที่นอนอยู่เป็นประจำ
ปัญหาเด็กปัสสาวะรดที่นอนเป็นปัญหาที่พบบ่อยอย่างหนึ่ง เนื่องจากเด็กที่อายุ 5 ขวบแล้วยังปัสสาวะรดที่นอนมีถึงร้อยละ 7-15 เด็กอายุ 10 ปี ร้อยละ 3 และวัยรุ่นประมาณร้อยละ 1-2
เด็กที่มีปัญหาปัสสาวะรดที่นอนต่อเนื่องกันมาตลอด ส่วนใหญ่เกิดจากระบบประสาทที่ควบคุมการปัสสาวะมีพัฒนาการล่าช้ากว่าปกติ โดยทั่วไปมักไม่ได้มีสาเหตุจากปัญหาด้านอารมณ์หรือจิตใจ แต่ปัญหาปัสสาวะรดที่นอนอาจมีผลกระทบต่อจิตใจของเด็กในด้านการสูญเสียความมั่นใจในตนเองและมีผลกระทบต่อพัฒนาการด้านสังคมตามวัยได้มาก เนื่องจากเด็กอาจถูกพ่อแม่ตำหนิหรือลงโทษบ่อยๆ อาจถูกพี่น้องหรือเพื่อนล้อเลียนจนรู้สึกอับอายหรือเป็นปมด้อย เป็นต้น
ปัญหาปัสสาวะรดที่นอนเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับพันธุกรรมด้วย กล่าวคือหากพ่อหรือแม่เคยมีปัญหาปัสสาวะรดที่นอนในวัยเด็ก ลูกจะมีโอกาสมีปัญหาปัสสาวะรดที่นอนเกือบครึ่งหนึ่ง หากทั้งพ่อและแม่เคยปัสสาวะรดที่นอน ลูกจะมีโอกาสเสี่ยงสูงขึ้นถึงสามในสี่ นอกจากนี้ยังพบว่าอาจเกิดจากการที่ร่างกายของเด็กหลั่งฮอร์โมนอาร์จินีน วาโสเปรสซิน ที่ช่วยเก็บน้ำไว้ในร่างกายต่ำกว่าปกติในเวลากลางคืน ในบางครั้งอาจเกิดจากเด็กได้รับสารคาเฟอีนจากอาหารหรือเครื่องดื่ม เช่น น้ำอัดลมบางชนิด ชาเขียว เป็นต้น เพราะคาเฟอีนมีฤทธิ์ขับปัสสาวะด้วย
เด็กบางคนอาจกลับมาปัสสาวะรดที่นอนอีกหลังจากเคยควบคุมได้แล้ว ในกรณีนี้อาจเกิดจากปัญหาด้านอารมณ์หรือจิตใจ เด็กอาจมีเรื่องวิตกกังวลหรือรู้สึกไม่ปลอดภัย เช่น ปัญหาครอบครัว มีน้องใหม่ ย้ายบ้านหรือโรงเรียน เป็นต้น นอกจากนี้อาการปัสสาวะรดที่นอนอาจเกิดจากโรคทางกายบางอย่างก็ได้ พบว่าร้อยละ 1 ของเด็กที่ปัสสาวะรดที่นอนอาจเกิดจากโรคทางกาย เช่น การติดเชื้อหรือความผิดปกติของทางเดินปัสสาวะ ความผิดปกติของระบบประสาท เป็นต้น อาการที่ทำให้สงสัยว่าอาจเกิดจากโรคทางกาย ได้แก่ ปัสสาวะบ่อยในเวลากลางวัน ปัสสาวะลำบาก แสบขัด และกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ แต่เด็กที่ปัสสาวะรดที่นอนติดต่อกันมาตลอดตั้งแต่เล็กๆ และไม่มีอาการผิดปกติเหล่านี้มักไม่ได้เป็นโรคทางกายดังกล่าวครับ
ในกรณีที่เด็กไม่ได้เป็นโรคทางกายที่ต้องรับการรักษาให้ตรงกับสาเหตุแล้ว พ่อแม่สามารถช่วยให้ลูกหยุดปัสสาวะรดที่นอนได้ดังต่อไปนี้
- ลำดับแรกพ่อแม่ต้องเข้าใจก่อนว่าลูกไม่ได้ตั้งใจปัสสาวะรดที่นอนและไม่ได้อยากจะปัสสาวะรดที่นอนเลย จะได้ไม่ตำหนิหรือลงโทษรุนแรงโดยไม่จำเป็น
- ลำดับต่อมาคือพ่อแม่สามารถฝึกให้ลูกสามารถควบคุมการปัสสาวะได้ ควรเริ่มต้นด้วยการพูดจูงใจให้ลูกร่วมมือเพื่อฝึกการควบคุมปัสสาวะ พ่อแม่ควรให้ลูกงดน้ำและเครื่องดื่ม 1-2 ชั่วโมงก่อนนอน โดยเฉพาะเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน ให้ปัสสาวะก่อนเข้านอน ต้องร่วมกับลูกบันทึกการปัสสาวะรดที่นอนทุกวันและให้ดาวตามแบบที่หมอไปป์แนะนำในโพสต์ก่อนหน้านี้ครับ และชมเชยถ้าลูกสามารถควบคุมได้ พ่อแม่ควรให้รางวัลตามสมควรถ้าลูกปัสสาวะรดที่นอนลดลง หรือได้ดาวเพิ่มขึ้น ในแต่ละสัปดาห์ที่ผ่านไป และควรให้ลูกมีส่วนร่วมในการทำความสะอาดเสื้อผ้าและผ้าปูที่นอนที่เปียกเพื่อฝึกความรับผิดชอบด้วย
ในกรณีที่ปฏิบัติตามคำแนะนำแล้วยังควบคุมการปัสสาวะรดที่นอนไม่ได้ พ่อแม่สามารถปรึกษากุมารแพทย์หรือจิตแพทย์เด็กและวัยรุ่นเกี่ยวกับการรักษาเพิ่มเติมได้ การรักษาในปัจจุบันมีอยู่หลายวิธี วิธีที่ทางการแพทย์แนะนำให้เลือกใช้เป็นลำดับแรกคือ การใช้อุปกรณ์เสียงสัญญาณปลุก หรือ enuresis alarm ติดไว้กับกางเกงในเวลานอน อุปกรณ์จะดังขึ้นให้เด็กตื่นเมื่อเด็กเริ่มปัสสาวะออกมา และหากทำซ้ำๆ อย่างน้อย 3-4 สัปดาห์ เด็กจะตื่นได้เองเมื่อปวดปัสสาวะ เป็นการรักษาที่ปลอดภัยและได้ผลดีที่สุด คือได้ผลประมาณร้อยละ 60-90 และมีโอกาสกลับเป็นซ้ำหลังจากหายแล้วต่ำ พ่อแม่สามารถหาซื้ออุปกรณ์ดังกล่าวได้เอง มีบริษัทที่จำหน่ายอุปกรณ์นี้ในประเทศไทยด้วยครับ
นอกจากนี้ยังมีการรักษาด้วยยาบางชนิดทั้งที่เป็นยากินและยาพ่นจมูก ซึ่งได้ผลดีพอสมควรแต่ได้ผลน้อยกว่าการใช้อุปกรณ์เสียงสัญญาณปลุก และมีโอกาสกลับเป็นซ้ำหลังจากหายแล้วสูงกว่า แพทย์จะพิจารณาการรักษาตามความเหมาะสมของเด็กแต่ละคนครับ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : #หมอมินพระราม 6
ชมรมจิตแพทย์เด็กและวัยรุ่นแห่งประเทศไทย