7 วิธีช่วยลูกลดน้ำหนัก ป้องกันโรคอ้วนในเด็ก

7 วิธีช่วยลูกลดน้ำหนัก ป้องกันโรคอ้วนในเด็ก

7 วิธีช่วยลูกลดน้ำหนัก ป้องกันโรคอ้วนในเด็ก

โรคอ้วนในเด็กไทย กลายเป็นปัญหาสุขภาพที่สำคัญมากๆ ในช่วงนี้ เพราะอุบัติการณ์โรคอ้วนในเด็กไทยในช่วง 10 กว่าปีมานี้ เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ข้อมูลจากกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ระบุไว้ในปี 2558 ว่า จำนวนเด็กก่อนวัยเรียน 5 คนจะมีเด็กอ้วน 1 คน และในกลุ่ม เด็กในวัยเรียน 10 คน มีเด็กอ้วน 1 คน จึงจัดว่าเป็นสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วง ไม่เพียงแค่เด็กไทยที่มีปัญหาโรคอ้วน แต่หลายๆ ประเทศก็เริ่มตื่นตัวกับโรคอ้วนในเด็ก ด้วยอาหารการกินที่ถูกละเลย จนทำให้เด็กเริ่มติดอาหารขยะ หรือแม้แต่กิจกรรมนอกบ้านที่เด็กทำน้อยลง และจ่อมจมกับหน้าจอ เรื่องเล็กๆ เหล่านี้ ล้วนส่งผลต่อสุขภาพของลูกรัก และก่อนที่ลูกจะเป็นโรคอ้วนในเด็ก หรือลูกใครที่เริ่มอ้วนขึ้นแล้ว ลองมาดู 7 วิธีช่วยลูกลดน้ำหนัก ป้องกันโรคอ้วนในเด็ก โรคที่พ่อแม่ไม่ควรละเลย แล้วจะมีวิธีไหนที่จะช่วยลูกได้บ้าง ตามไปอ่านกันเลย

7 วิธีช่วยลูกลดน้ำหนัก ป้องกันโรคอ้วนในเด็ก

1.ตั้งเป้าหมายที่ทำได้จริงให้กับลูก

สำหรับลูกที่เริ่มอ้วนแล้ว การป้องกันโรคอ้วนในเด็กอย่างแรก คือตั้งเป้าที่ชัดเจนและทำได้จริง เช่น ตั้งเป้าให้ลูกลดน้ำหนักได้สัปดาห์ละ 1 กิโลกรัม ด้วยเป้าที่วางไว้บนพื้นฐานความเป็นจริงจะทำให้บรรลุเป้าหมายได้ง่ายขึ้น เมื่อทำได้ครั้งหนึ่งแล้วก็จะเริ่มมีกำลังใจในการลดน้ำหนักต่อไป และง่ายต่อการปรับเปลี่ยนเป้าหมายทีละเล็กทีละน้อยในอนาคต

7 วิธีช่วยลูกลดน้ำหนัก ป้องกันโรคอ้วนในเด็ก

2.แค่ขยับเท่ากับออกกำลังกาย

ไม่จำเป็นต้องเข้าฟิตเนส หรือหากิจกรรมเรียกเหงื่อที่ยุ่งยากเกินไป เพราะยิ่งยาก ยิ่งน่าเบื่อ ทำให้ลูกเลิกล้มเอาง่ายๆ ลองเปลี่ยนพฤติกรรมเดิมๆ เพิ่มเติมเรื่องการขยับมากขึ้น เช่น การเดินขึ้นบันไดแทนการขึ้นลิฟท์ เดินไปตลาดใกล้บ้านหรือขี่จักรยานไปช้อปปิ้งในห้างที่อยู่ไม่ไกล แทนที่จะขับรถไป แล้วเพิ่มเติมชั่วโมงการออกกำลังกายด้วยการเดิน วิ่ง ขี่จักรยาน หรือแม้กระทั่งทำกิจกรรมสนุกๆ อย่างเล่นโรลเลอร์เบลด เป็นต้น

7 วิธีช่วยลูกลดน้ำหนัก ป้องกันโรคอ้วนในเด็ก

3.เลือกสรรอาหารที่ดีมีประโยชน์

อย่าด่วนซื้อของตามความเคยชิน อาหารในวันเร่งรีบที่ซื้อง่ายๆ มักจะเป็นของที่ไม่มีประโยชน์ ก่อให้เกิดโรคอ้วนในเด็กได้ในอนาคต คุณแม่ควรจะซื้อผักและผลไม้ไว้ติดบ้าน พร้อมเสิร์ฟให้ลูกกินได้ในทุกมื้อ เลือกวางน้ำเปล่าไว้ใกล้มือแทนน้ำผลไม้ เพราะผลไม้ทั้งลูกที่มีกากใยย่อมให้ประโยชน์ที่มากกว่า โดยในแต่ละวัน ให้ลูกกินอาหาร 3 มื้อ ในปริมาณที่พอดี และแทรกของว่าง 2 มื้อต่อวัน เป็นผลไม้ หรือขนมขบเคี้ยวไขมันต่ำ ที่สำคัญ ต้องไม่ทิ้งช่วงเวลาให้ลูกหิวเกินไป ไม่อย่างนั้นลูกจะกินไม่เลือก

7 วิธีช่วยลูกลดน้ำหนัก ป้องกันโรคอ้วนในเด็ก

4.กินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตาทั้งครอบครัว และต้องทานบนโต๊ะอาหารเท่านั้น

ถ้าหากทานข้าวกันพร้อมหน้า ลูกมักจะทานอย่างเหมาะสม แถมคุณแม่ยังเลือกอาหารที่มีประโยชน์เสิร์ฟได้อีกด้วย ซึ่งการทานอาหารบนโต๊ะ จะช่วยให้ลูกกินอาหารเมื่อถึงเวลาอาหาร ที่สำคัญ ต้องไม่ให้ลูกทานอาหารหรือขนมระหว่างดูทีวี เพราะช่วงเวลาแห่งความเพลิดเพลินนั้นจะทำให้ลูกทานเยอะเกินไป และทานด้วยความอยาก ไม่ใช่ความหิ

7 วิธีช่วยลูกลดน้ำหนัก ป้องกันโรคอ้วนในเด็ก

5.ใช้เทคนิกปรับพฤติกรรมของลูก


ให้รางวัลเมื่อลูกทำได้ถึงเป้า จะช่วยจูงใจให้ลูกลดน้ำหนักอย่างได้ผล ลองกระตุ้นลูกด้วยของรางวัลเล็กๆ น้อยๆ เมื่อลูกทำบางสิ่งได้สำเร็จ เช่น ลูกดื่มน้ำเปล่าแทนน้ำอัดลมได้ตลอดสัปดาห์ หรือลูกออกกำลังกายได้ 3 วันต่อสัปดาห์ ก็หาของขวัญมาให้ แต่ต้องไม่ให้ของรางวัลเป็นสิ่งที่กินได้นะ อันนี้ห้ามเด็ดขาด

7 วิธีช่วยลูกลดน้ำหนัก ป้องกันโรคอ้วนในเด็ก

6.พาลูกไปพบกุมารแพทย์อย่างต่อเนื่อง

อย่าลืมที่จะพาลูกไปพบกับกุมารแพทย์ โดยเฉพาะลูกที่กำลังเป็นโรคอ้วนในเด็ก เพื่อให้คุณหมอช่วยเช็คเรื่องสุขภาพ ทั้งการตรวจเลือดและชั่งน้ำหนัก แต่ควรหลีกเลี่ยงที่จะให้ลูกชั่งน้ำหนักทุกวัน เพราะการกดดันเรื่องน้ำหนักที่มากเกินไป อาจส่งผลให้ลูกเครียด และไม่เป็นผลดีต่อการลดน้ำหนัก

7 วิธีช่วยลูกลดน้ำหนัก ป้องกันโรคอ้วนในเด็ก

7.ให้กำลังใจและอยู่เคียงข้างลูก

ลูกจะทำได้ดี ถ้าได้รับกำลังใจอย่างเต็มเปี่ยมจากพ่อและแม่ ซึ่งสิ่งที่ทำได้ง่ายๆ ก็เช่น ทุกคนในบ้านต้องร่วมกันทานอาหารสุขภาพ ให้เห็นว่าทุกคนกำลังร่วมมือไปด้วยกัน เก็บขนมที่ไม่มีประโยชน์ อาหารขยะ ทิ้งไปให้หมด แล้วหั่นผักชิ้นเล็กๆ เช่น แครอท เซเลอรี่ หรือผลไม้ ให้ลูกหยิบกินเวลาหิว การอยู่เคียงข้างลูกอยู่เสมอ คอยเป็นกำลังใจ และทำสิ่งเดียวกันไปกับลูก จะช่วยเสริมสร้างกำลังใจในการลดน้ำหนักของลูกได้อย่างดี ทั้งนี้ ทุกๆ บ้านต้องเริ่มหันมามองลูกดูว่าลูกเราเข้าข่ายโรคอ้วนในเด็กหรือไม่ ถ้าไม่แน่ใจลองปรึกษาคุณหมอเพื่อขอคำแนะนำ เพราะโรคอ้วนในเด็กอาจเป็นการเริ่มต้นของโรคร้ายอื่นๆ ของลูกในอนาคต

เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์