ไม่ใช่แค่พัฒนาการด้านร่างกายของลูกเท่านั้นนะคะที่สำคัญ พัฒนาการทางด้านอารมณ์จิตใจก็สำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันเลย ดังนั้นการทำให้ลูกวัยทารกอารมณ์ดีมีความสุขเป็นเรื่องที่พ่อแม่ต้องทำเลยทีเดียวค่ะ
4 เคล็ดลับเพื่ออารมณ์ดีมีความสุขของแม่และลูกน้อย
1. ให้ลูกกินนมแม่ ลองสังเกตว่าเวลาลูกกินนมแม่เสร็จ ถ้าลูกไม่เคลิ้มหลับ ลูกจะยิ้มมีความสุขมาก ตามทฤษฎีจิตวิทยาของซิกมันต์ ฟรอยด์ คือเขาได้รับการตอบสนองทางปาก เด็กจึงรู้สึกอิ่มท้องและอบอุ่นใจไปในตัว เด็กส่วนใหญ่ที่กินนมแม่จึงเป็นเด็กยิ้มเก่ง หัวเราะเก่ง อารมณ์ดี ส่วนตัวคุณแม่เองก็รู้สึกผูกพันกับลูกมากขึ้นด้วย
2. อ่านนิทานให้ลูกฟัง เลือกหนังสือนิทานภาพเล่มที่มีภาพสวย ๆ ภาษาไพเราะ อ่านให้ลูกฟังทุกวัน ช่วงแรก ๆ เขาอาจจะยังไม่สนใจ ไม่มีสมาธิจดจ่อกับหนังสือได้นานนัก และต่อมาหนังสือก็อาจกลายเป็นของกินที่ลูกจะเอาเข้าปากมาอม มากัดเล่นอยู่เสมอ แต่เชื่อเถอะค่ะว่า เขาจะค่อย ๆ เรียนรู้ภาษา และสนุกกับเรื่อง ได้ฝึกสมาธิ รวมถึงซึมซับข้อคิดดี ๆ จากหนังสือ ถือเป็นช่วงเวลาที่เด็ก ๆ จะได้พัฒนาอารมณ์และจิตใจให้อ่อนโยน ประณีตขึ้นด้วย นอกจากนี้ช่วงเวลาการเล่านิทานยังเป็นสีสันแสนสนุกของทุกครอบครัวอีกด้วย
3. ฟังดนตรีกับลูก มีงานวิจัยมากมายที่ยืนยันว่าดนตรีช่วยพัฒนาสมอง และแน่นอนว่าส่งผลต่ออารมณ์ของลูกและแม่ด้วย พ่อแม่จึงควรจะเปิดเพลงฟังกับลูก เป็นเพลงอะไรก็ได้ ไม่ว่าจะเพลงเด็ก เพลงบรรเลง เพลงคลาสสิค หรือเพลงสไตล์ที่พ่อแม่ชอบ ลองเปิดให้ลูกฟังและร้องเล่นไปกับลูกบ่อย ๆ หรือถ้าพ่อแม่คนไหนเก่งดนตรี เล่นดนตรีได้ เล่นดนตรีให้ลูกฟัง หรือจะเปิดคอนเสิร์ตเล็ก ๆ ยิ่งสนุกเข้าไปใหญ่ แล้วคุณจะพบว่าลูกจะยิ้มปากกว้าง หัวเราะเสียงดังน้ำลายหกทุกครั้งที่ได้ฟังดนตรีกับพ่อแม่
4. โอบกอดสัมผัสรักกันบ่อย ๆ เด็ก ๆ ชอบการถูกสัมผัส เพราะเขาอยู่ในท้องแม่โดยมีรกและน้ำคร่ำห่อหุ้มอยู่ตั้ง 9 เดือน เมื่อคลอดออกมาเด็ก ๆ จึงต้องการการโอบอุ้มอยู่ตลอดเวลา ฉะนั้นควรโอบกอดสัมผัสหอมลูกบ่อย ๆ เป็นการส่งผ่านความรักที่มีความหมายมากกว่าคำพูดเสียอีก เพราะมันรวมไปถึงความอบอุ่น ความปลอดภัยมั่นคง ที่จะส่งผลโดยตรงต่ออารมณ์และจิตใจของลูก และแน่นอนว่าทำให้คุณแม่มีความสุขด้วยเช่นกัน
สร้างความผูกพันกับลูกน้อยสำหรับคุณพ่อ
ฝึกให้ลูกคนโตรักน้องตั้งแต่อยู่ในท้อง
ลูกมีพัฒนาการทางอารมณ์ตามวัยหรือไม่
ที่มา ธิดา พานิช