พ่อแม่วัยรุ่นบางคนเคยถามหมอประมาณว่า ลูกพอเป็นวัยรุ่นแล้วเริ่มมีโลกส่วนตัวสูง เป็นเพราะอะไร
จริงๆแล้ว วัยรุ่นเป็นวัยที่เริ่มมีความเป็นส่วนตัวเป็นปกติตามธรรมชาติ โดยเฉพาะกับพ่อแม่ จากเดิมที่ติดพ่อแม่ก็จะเริ่มติดเพื่อน อะไรๆก็เพื่อนเขาอาจจะมีความคิด ความฝัน อะไรบางอย่างที่ไม่อยากเล่าให้ใครฟัง นอกจากคนที่เขาคิดว่าเข้าใจและยอมรับในตัวเขา บางที่คนๆนั้นก็เป็นพ่อแม่ บางทีก็เป็นเพื่อนสนิท แต่บางครั้งวัยรุ่นก็รู้สึกว่าถ้าไม่บอกใครน่าจะดีกว่า บางคนมีโลกส่วนตัวบ้าง บางคนก็มีโลกส่วนตัวสูงมาก ถ้านึกภาพของคนที่มีโลกส่วนตัวสูงมากๆไม่ออก ลองมาดูวัยรุ่นแบบหมอกในซีรี่ส์ฮอร์โมนวัยว้าวุ่น
หมอกเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของวัยรุ่นที่มีโลกส่วนตัวสูงจนบางครั้งคนอื่นเข้าไม่ถึง และหมอกเองถ้าเข้าไปอยู่ในโลกส่วนตัวกับของที่ชอบ ก็เหมือนว่าไม่อยากจะออกมาจากโลกนั้นด้วย หมอกเป็นเพื่อนสนิทของต้าและวิน หน้าหมอกจะดูนิ่งๆอยู่เกือบตลอด มีบ้างที่ยิ้มน้อย ๆ แต่สีหน้าก็จะไม่ได้เปลี่ยนมาก หมอกมีงานอดิเรกที่ชอบมากคือการถ่ายรูป คุณสมบัติหนึ่งของหมอกคือ การช่างสังเกตคนรอบข้าง รู้ว่าคนรอบข้างคิดอะไรอยู่ รู้สึกอย่างไร อย่างที่หมอกรู้ว่าต้าชอบเต้ย อย่างไรก็ตามความที่มีโลกส่วนตัวสูง บางครั้งก็ทำให้คนใกล้ชิด ไม่เข้าใจ ว่าเวลาที่เขาอยากจะอยู่เงียบๆกับสิ่งที่เขากำลังจมอยู่กับมัน เหมือนที่หมอกจบอยู่กับการถ่ายรูป อ่านหนังสือ ดูหนังที่ชอบ ตั้งแต่พ่อของหมอก และ แฟนของหมอก แฟนของหมอก ชื่อว่า มิ้น เป็นเด็กสาวหน้าตาน่ารัก เรียนอยู่คนละโรงเรียน หมอกก็ชอบมิ้นมากๆ แต่ความที่มีโลกส่วนตัวสูง เวลาที่ชอบอะไรก็มักจะหลุดหรือจมไปอยู่ในนั้น เช่น ที่ตัวเองชอบถ่ายรูปเอามากๆ เวลาที่เห็นมุมอะไรที่คิดว่าน่าจะถ่ายรูปเก็บไว้ บางทีหมอกก็จะถ่ายเพลินจนไม่รู้เวลา ทำให้เวลาที่นัดไปเที่ยวกับมิ้น หมอกจะไปสายบ่อยๆ เวลาที่จมไปอยู่กับอะไร บางทีก็จะตั้งใจจนไม่ได้สนใจมิ้นที่อยู่ข้างๆ มิ้นไม่สามารถยอมรับในความมีโลกส่วนตัวสูงของหมอกได้ หมอกเองก็รู้สึกว่ามิ้นก็ไม่เข้าใจตัวเขา
ส่วนพ่อของหมอก ก็มักจะหงุดหงิดกับความมีดลกส่วนตัวของหมอก ถ้าไม่ได้ไปกับเพื่อนก็มักจะเก็บตัวอยู่ในห้อง เวลามีอะไร หมอกก็ไม่ค่อยพูดหรือบอก พ่ออยากรู้ว่าหมอกอยากเรียนคณะอะไรต่อ หรือ ทำไมกลับบ้านช้า หมอกก็ไม่ได้สนใจจะบอกพ่อ วันหนึ่งที่หมอกบอกพ่อว่า อยากเรียนนิเทศฯ ไม่ได้อยากเรียนบัญชีอย่างที่พ่ออยากให้เรียน พ่อก็โกรธ ทำให้หมอกยิ่งรู้สึกว่า บอกไปพ่อก็ไม่เข้าใจ และหมอกก็เผลอพูดจาไม่ดีใส่พ่อ ก็คือ พ่อไม่ต้องห่วงหมอก หมอกจะไม่มีวันล้มเหลวแบบพ่อ จริงๆแล้วถึงจะมีความเป็นโลกส่วนตัวมากขนาดไหน ถ้าเขารู้สึกว่าคนเข้าใจและยอมรับความเป็นเขา ที่บางครั้งอาจจะอยู่ในโลกส่วนตัวบ้าง ยังไงเสียไม่นานเขาก็จะออกมาจากโลกนั้น เพราะเป็นธรรมชาติของคนเรา ไม่มีทางอยู่คนเดียวไปตลอด จริงอยู่เราต้องพึ่งตัวเอง แต่ในบางครั้งการขอความช่วยเหลือเมื่อถึงเวลาก็เป็นเรื่องจำเป็น
ถ้าเราต้องอยู่กับคนที่มีโลกส่วนตัวมาก ๆ ความเข้าใจและยอมรับก็น่าจะทำให้ความสัมพันธ์ราบรื่นยืนยาวขึ้น สำหรับคนที่รู้ว่ามีความเป็นส่วนตัวสูง ก็คงจะต้องทำความเข้าใจคนรอบข้างให้มากขึ้นเช่นกัน เหมือนที่น้องสาวหมอกบอกกับหมอกว่า “พ่อเค้ารักพี่มากนะ พ่อเค้าชอบมาถามหนูว่า พี่ไปไหน พี่เป็นยังไงบ้าง” ในตอนสุดท้ายที่หมอกตัดสินใจขอโทษพ่อ และพ่อกับหมอกก็เข้าใจกันมากขึ้น หมอคิดว่าเป็นฉากที่ดีมากๆ
“พ่อครับ ผมขอโทษที่พูดจาไม่ดี แต่ผมขอเรียนในแบบที่ผมอยากเรียนนะครับ”
“เดี๋ยวแกกินเสร็จ ไปรอพ่อหน้าบ้านนะ เดี๋ยววันนี้ พ่อจะไปส่งที่โรงเรียน”
แล้วทั้งพ่อและหมอกก็ยิ้มให้กัน
#หมอมินบานเย็น
#hormonetheseries