แม่ของเด็กสมาธิสั้นคนหนึ่ง บอกหมอว่า“ช่วงนี้ลูกขี้เกียจมากเลยค่ะ ทำการบ้านก็ขี้เกียจ ให้ช่วยงานบ้านก็ไม่เอา ที่โรงเรียนครูก็บอกว่าขี้เกียจ งานไม่ค่อยส่ง แม่เตือนบ่อยจนแม่เองก็รำคาญจนขี้เกียจจะเตือนแล้วค่ะ
ไม่รู้ทำไมขี้เกียจแบบนี้ก็ไม่รู้ ฯลฯ”
ส่วนเด็กก็นั่งฟัง แล้วทำหน้าเซ็งๆหมอนั่งฟังสัก ชักจะเคลิ้มตาม และเริ่มเมากับคำว่า “ขี้เกียจ”แค่ในห้องตรวจไม่กี่นาที หมอนับคำว่าขี้เกียจ ได้มากกว่า 5 ครั้งถ้าที่บ้าน เด็กคนนี้ จะโดนแม่ตำหนิ ว่าขี้เกียจเยอะขนาดไหนเนี่ย
คำพูดซ้ำๆ จากพ่อแม่ เป็นเหมือนกระจกสะท้อนให้เด็กมองเห็นตัวเองว่าเป็นไปอย่างที่แม่บอกเหมือนการโดนสะกดจิตว่า “ลูกจงเป็นแบบนั้น...ลูกจงเป็นแบบนั้น...ลูกจงเป็นแบบนั้น...”หากเราเอาแต่บ่นว่าลูกขี้เกียจจัง ทำไมขี้เกียจแบบนี้ลูกก็จะเริ่มมองว่า ตัวเองขี้เกียจจริงๆ
...ฉันนี่มันขี้เกียจอย่างที่แม่บอกทุกวันสินะ ...ฉันจะทำอะไรได้ล่ะ ก็ฉันมันแค่เด็กขี้เกียจคนนึง
แล้วจะให้เด็กขยันขึ้นมาได้อย่างไร??
เด็กจะ “ทำตัวดี” ก็ต่อเมื่อ เขา “รู้สึกดีกับตัวเอง”เด็กจะรู้สึกดีกับตัวเอง อยู่ที่การสะท้อนมุมมองด้านบวกจากคนรอบข้างให้เขาเห็นตัวเองในด้านดี หยุดการสะกดจิตลูกด้วยคำพูดด้านลบ หันมาชม ให้กำลังใจ ชมด้านดีๆของเด็กกันดีกว่าครับ