ทำร้ายลูกทางอ้อม! หยุดหยิบยื่นให้ ถ้าไม่อยากให้ลูกเป็น โรคสมาธิสั้น ADHD

ทำร้ายลูกทางอ้อม! หยุดหยิบยื่นให้ ถ้าไม่อยากให้ลูกเป็น โรคสมาธิสั้น ADHD

สมัยนี้นับว่าเป็นยุคทองของเทคโนโลยี ไม่ว่าจะไปไหนมาไหนก็เห็นแต่คนเล่นโทรศัพท์มือถือเล่นอินเตอร์เน็ตเต็มไปหมด และหลายครั้งพ่อแม่ผู้ปกครองที่ไม่มีเวลาว่าง ก็จะเปิดโทรศัพท์ให้ลูกดู หรือ ให้ลูกเล่นเกม สิ่งที่ทำลงไปอาจจะทำให้พ่อแม่ผู้ปกครองไม่เหนื่อยกับการเลี้ยงลูก แต่การกระทำนี้เองอาจเป็นการทำร้ายลูกของท่านทางอ้อม

ด้วยวัยของพวกเขาที่กำลังอยู่ในช่วงของการเรียนรู้และการพัฒนา อาจส่งผลกระทบให้ลูกต่าง ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็น สายตาสั้น โรคส่วนตัวสูง มีปัญหาในการเข้าสังคม ไม่พูดจากับใคร อ่านไม่ออก เขียนไม่ได้ ที่สำคัญส่งผลร้ายแรงจนทำให้เด็กกลายเป็นโรคสมาธิสั้น!

จากปัญหานี้เอง ทำให้อธิบดีกรมสุขภาพจิต นพ.บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ ต้องออกมาเตือนคุณพ่อคุณแม่ทุกคน ให้หยุดหยิบยื่นและฝากลูกไว้กับสิ่งเหล่านี้เสียที!!

ทำร้ายลูกทางอ้อม! หยุดหยิบยื่นให้ ถ้าไม่อยากให้ลูกเป็น โรคสมาธิสั้น ADHD

อธิบดีกรมสุขภาพจิต เผยเด็กไทยป่วย “ไฮเปอร์” กว่า 4.2 แสนคน แถมเด็กเล็กป่วย “ไฮเปอร์เทียม” อีกเพียบ โดยต้นเหตุนั้นมาจากคุณพ่อคุณแม่ปล่อยลูกไว้กับมือถือ แท็บเล็ต จนกระทบการทำงานสมอง พูด อ่าน เขียนแย่ แนะให้ลูกเลิกเล่นมือถือ และปล่อยเล่นกับเด็กวัยเดียวกัน

นพ.บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข ออกมาเปิดเผยว่า ในกลุ่มเด็กนักเรียนอายุ 6-15 ปี ที่มีปัญหาผลการเรียนไม่ดี เรียนไม่ทันเพื่อนนั้นมักจะพบมี 4 โรคทางจิตเวชแอบแฝงที่พบบ่อย คือ

1. ออทิสติก

2. สมาธิสั้น

3. แอลดีหรือภาวะบกพร่องในการเรียนรู้

4. สติปัญญาบกพร่อง

ทำร้ายลูกทางอ้อม! หยุดหยิบยื่นให้ ถ้าไม่อยากให้ลูกเป็น โรคสมาธิสั้น ADHD

จากสถิติพบว่า มีเด็กป่วยเป็นโรคสมาธิสั้นพบมากที่สุด ซึ่งผลสำรวจของกรมสุขภาพจิตปี 2559 ร้อยละ 5.4 คาดว่ามีเด็กเป็นโรคสมาธิสั้น 420,000 คน จากประชากรเด็ก 7 ล้านคน หรือพบได้ 2-3 คนต่อห้องเรียนที่มีเด็ก 40-50 คน และพบในเด็กผู้ชายมากกว่าผู้หญิง

ซึ่งอาการที่แสดงออกได้แก่ ซนอยู่ไม่นิ่งขาดสมาธิ หุนหันพลันแล่น หรือมักเรียกว่า “โรคไฮเปอร์” โดยเด็กจะวอกแวก ทำงานตก ๆ หล่น ๆ ทำอุปกรณ์การเรียนหายประจำ ซุ่มซ่าม ใจร้อน วู่วาม ซึ่งเกิดจากสมองทำงานผิดปกติ และมักมีอาการชัดเจนในช่วงประถมศึกษา

นพ.บุญเรือง กล่าวต่อว่า หากผู้ปกครองหรือครูไม่เข้าใจ และคิดว่าเป็นเด็กซน เด็กดื้อ จะทำให้เด็กขาดการรักษาที่ถูกต้อง เกิดปัญหาอารมณ์และพฤติกรรมที่อาจส่งผลถึงอนาคตได้ เช่น เสี่ยงติดสารเสพติด ก่ออาชญากรรม เป็นต้น

ทำร้ายลูกทางอ้อม! หยุดหยิบยื่นให้ ถ้าไม่อยากให้ลูกเป็น โรคสมาธิสั้น ADHD

และที่น่าห่วงมากขณะนี้ พบว่าเด็กเล็กที่ปกติกลายเป็นโรคไฮเปอร์เทียมมากขึ้น คือมีอาการคล้ายโรคไฮเปอร์ แต่ยังไม่ถึงขั้นป่วย เกิดจากการเลี้ยงดูของพ่อแม่ที่ตามใจ ปล่อยให้เด็กเล็กอายุต่ำกว่า 3 ขวบ เล่นแท็บเล็ต สมาร์ทโฟนเพื่อทำให้เด็กนิ่ง ไม่ซน

แต่ในวงการจิตแพทย์พบว่าความเร็วของภาพในเกมซึ่งเปลี่ยนเร็วทุก 3 วินาที จะส่งผลโดยตรงต่อสมองทำงานไม่ลงตัว คุมสมาธิไม่ได้ ทำให้ทักษะการอ่าน การเขียน การพูดของเด็กแย่ลง อารมณ์ร้อน รอคอยไม่เป็น มีปัญหาการอยู่ร่วมกับเด็กวัยเดียวกันหรือคนอื่น นพ. บุญเรือง กล่าวเพิ่มเติม

ดังนั้นขอเตือนผู้ปกครองระวัง อย่าให้เด็กเล็กเล่นเกมจากอุปกรณ์เหล่านี้ หากให้หยุดเล่นได้เร็วอาการจะค่อย ๆ หายไป และควรให้เด็กได้เล่นกับเด็กวัยเดียวกัน เพื่อให้เด็กมีทักษะและพัฒนาการทุกด้าน

โรคสมาธิสั้น ADHD คืออะไร?

โรคสมาธิสั้นคือ กลุ่มอาการที่เกิดขึ้นตั้งแต่วัยเด็กที่มีอายุก่อน 7 ปี ซึ่งจะมีผลกระทบต่อพฤติกรรม อารมณ์ การเรียน และการเข้าสังคมกับผู้อื่นของเด็ก กลุ่มอาการนี้ได้แก่ ขาดสมาธิ การขาดความสามารถในการควบคุมตัวเอง และ อาการซน เป็นต้น

ทำร้ายลูกทางอ้อม! หยุดหยิบยื่นให้ ถ้าไม่อยากให้ลูกเป็น โรคสมาธิสั้น ADHD


วิธีการสังเกต

– ไม่สามารถทำงานที่ครู หรือพ่อแม่สั่งจนสำเร็จ

– ไม่มีสมาธิในขณะทำงานหรือเล่น

– ไม่ค่อยสนใจฟังเวลาที่พูดด้วย

– วอกแวกง่าย

– ไม่ค่อยเป็นระเบียบเรียบร้อย

– ทำของใช้ส่วนตัวหรือของใช้จำเป็นหายบ่อย

– ยุกยิก อยู่ไม่สุข

– รอคอยไม่เป็น

– ชอบพูดจาแทรกเวลาที่คนอื่นกำลังพูดอยู่

– ตื่นตัวตลอดเวลา และตื่นเต้นง่าย

– คุณพ่อคุณแม่คะ สิ่งเหล่านี้ ล้วนแต่มีผลกระทบกับลูกด้วยกันทั้งสิ้น ดังนั้นเพื่อเกิดผลดีกับลูกของเรา ควรหลีกเลี่ยง แล้วพาลูกออกไปเรียนรู้โลกกว้างที่แท้จริงกันดีกว่าค่ะ

ที่มา foodthai

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
เช็คเบอร์มือถือ คลิ๊กเลย ++
กระทู้เด็ดน่าแชร์