โรคหัวใจในเด็ก

โรคหัวใจในเด็ก

เด็กมีโอกาสเป็นโรคหัวใจได้ตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา บางรายอาจเสียชีวิตก่อนเกิด บางรายเริ่มมีอาการ หรือตรวจพบตั้งแต่แรกเกิด บางรายตรวจพบเมื่อออกจากโรงพยาบาลหลังคลอด หรือมีอาการหลังอายุ 1-2 เดือน หรือหลังจากนั้น ในกรณีที่เป็นโรคหัวใจพิการแต่กำเนิด 

โรคหัวใจในเด็ก โดยทั่วไปแบ่งเป็น 2 ชนิด คือ

    1.โรคหัวใจพิการแต่กำเนิด สามารถเกิดอาการได้ทุกอายุ  แต่ที่พบมากมักอยู่ใน 2 ช่วง คือ ช่วงแรกตั้งแต่เกิดจนถึงอายุ 2 ปี และช่วงหลังคือหลังจากอายุ 5 ปีขึ้นไป

อาการของโรคหัวใจพิการแต่กำเนิด แบ่งออกเป็น 2 ประเภท

– ชนิดที่เขียว จะมีลักษณะเขียวคล้ำและคุณพ่อ คุณแม่สามารถเห็นได้ง่าย และชัดเจนยิ่งขึ้นเมื่อเด็กร้องไห้ มักมีอาการหอบเหนื่อยร่วมด้วย เมื่อเด็กโตขึ้นจะพบลักษณะของนิ้วปุ่ม โป่งพองบริเวณปลายนิ้วมือและเท้า คล้ายกระบอง

– ชนิดที่ไม่เขียว มักจะมีอาการหอบเหนื่อยง่ายกว่าเด็กปกติ โดยเฉพาะเวลาดูดนมหรือวิ่งเล่นต้องหยุดหายใจแรงเป็นพัก ๆ หัวใจเต้นเร็ว การดื่มนมก็จะดื่มได้น้อย น้ำหนักขึ้นช้า ส่งผลให้เด็กตัวเล็ก เป็นหวัดบ่อยและเมื่อเป็นหวัดแล้วมักไม่ค่อยหาย มีโรคแทรกซ้อนทางปอดบ่อย ๆ

    2.โรคหัวใจที่เกิดภายหลังการคลอด ชนิดที่ทำให้เกิดอาการตั้งแต่วัยเด็กและพบบ่อย คือ “โรคหัวใจรูห์มาติค” เป็นโรคลิ้นหัวใจพิการที่เกิดจากการอักเสบ มีการติดเชื้อของระบบทางเดินหายใจ และเป็นสาเหตุทำให้เกิดการอักเสบขึ้นที่หัวใจ โดยเฉพาะตำแหน่งของลิ้นหัวใจ โรคนี้มักพบภายหลังการอักเสบของ คอ และต่อมทอนซิล ประมาณ 2-3 สัปดาห์ ซึ่งเกิดจากเชื้อแบคทีเรียพวกสเตร็ปโตคอคคัส เมื่อเชื้อโรคนี้ทำอันตรายต่อร่างกายแล้ว กลับทำให้ร่างกายสร้างภูมิต้านทานที่เป็นอันตรายต่อร่างกายของตนเอง ทำให้เกิดการอักเสบของลิ้นหัวใจ และหากได้รับการรักษาในระยะแรกไม่ดีพอ ต่อมาอาจกลายเป็นโรคลิ้นหัวใจรั่วหรือตีบได้ เหล่านี้เป็นสาเหตุใหญ่ของการเข้ารับการผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจภายหลังเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่

การรักษาโรคหัวใจในเด็ก

การรักษาโรคหัวใจในเด็กขึ้นอยู่กับชนิดของความผิดปกติ การเกิดอาการก็มีความมากน้อยในด้านของความรุนแรงของโรคแต่ละชนิด บางชนิดอาจไม่ต้องรักษาอะไรเลย เช่น รูรั่วของผนังหัวใจ ช่วงล่างเล็ก ๆ จะไม่มีอาการ และสามารถปิดไปได้เองเมื่อเด็กโตขึ้น ถ้ามีอาการก็จะให้การรักษาทางยาเพื่อควบคุมอาการ และ ดูแลการเจริญเติบโตของเด็กอย่างใกล้ชิด แต่ถ้ามีอาการมากขึ้น จำเป็นต้อง

เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์