เหตุเกิดเพราะแทรกแซงลูกมากเกินไป‬

เหตุเกิดเพราะแทรกแซงลูกมากเกินไป‬

เด็กสาวคนหนึ่งเขียนระบายความรู้สึกมาถึงหมอในทวิตเตอร์

"หมอคะ หนูรู้สึกว่าแม่ยุ่งกับทุกๆเรื่องของหนู จะทนไม่ไหวอยู่แล้ว มันเป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็กๆ

ทั้งเรื่องกิน แม่บอกว่าห้ามกินอาหารที่ใส่ผงชูรส ใส่สีผสมอาหาร มันจะเป็นไปได้ไหม บางทีหนูก็ต้องกิน พอรู้ว่าไปกินก๋วยเตี๋ยวเรือที่อนุสาวรีย์กับเพื่อนตอนไปเรียนพิเศษ แม่ก็ดุใหญ่ ไม่รู้ว่ามันอะไรขนาดนั้น

เรื่องคบเพื่อน เพื่อนทุกคนของหนูแม่จะบอกว่าไม่ดี ให้เลิกคบ แม่จะเลือกให้ว่าคนไหนควรคบ แต่หนูไม่เชื่อก็แค่แอบๆคบไปเรื่อยๆ

แต่นี่สุดๆแล้ว จะมาบังคับเรื่องเรียนบอกให้หนูไปเรียนม.4ที่โรงเรียน   แต่หนูอยากไปเรียนแถวบ้านมากกว่า เพื่อนหนูไปสอบที่นี่ทุกคน ใกล้บ้านด้วย โรงเรียนที่แม่บอกมันต้องไปเรียนตั้งไกล แต่แม่ก็ไม่สนใจ บอกว่าโรงเรียนนั้นคนที่เรียนจะเข้ามหาลัยดีๆได้ หนูว่าของแบบนี้มันแล้วแต่คนไหม แม่ไม่ฟังอะไรเลยบางทีก็อยากหนีออกจากบ้านให้รู้แล้วรู้รอด อึดอัดมากค่ะหมอ"

ฟังแล้วเข้าใจว่าน้องที่เขียนมาต้องรู้สึกอึดอัด ไม่สบายใจมาก และสำหรับคุณแม่ของน้อง หมอก็เข้าใจคุณแม่ ว่าที่ทำไปเพราะว่าความรักที่มีให้ลูกสาว แต่ในความรักสิ่งสำคัญที่ต้องมีก็คือ สติ ถ้ารักมากจนทำให้มีผลเสีย ความรักจะกลายเป็นการรังแก เหมือนที่เรียกกันให้เจ็บปวด ว่า พ่อแม่รังแกฉัน พ่อแม่ที่เลี้ยงดูลูกแบบแทรกแซงไปทุกเรื่องแบบนี้ ภาษาอังกฤษเรียกว่า over-involved parent ส่วนใหญ่พ่อแม่แบบนี้มักเป็นคนที่มีความวิตกกังวล ไม่ไว้ใจว่าถ้าไม่ช่วยลูกคิดช่วยตัดสินใจ ลูกจะทำอะไรเองได้ดีอย่างที่พ่อแม่ต้องการหรือทำให้หรือไม่ พ่อแม่จะตามติดลูก คอยสังเกต ควบคุมดูแลเรื่องต่างๆ แม้แต่เรื่องส่วนตัว แต่พ่อแม่คงจะลืมคิดไปว่า พ่อแม่ไม่สามารถคอยวิ่งตามเพื่อคิดและตัดสินใจแทนลูกไปได้ทุกเรื่อง

ลูกของพ่อแม่ที่แทรกแซงมากเกินไป เด็กมักจะมีปัญหา คือ พอจะคิดเองจริงๆกลับคิดไม่เป็น ไม่มั่นใจในตัวเอง เพราะที่ผ่านมาต้องพึ่งพาพ่อแม่ตลอด พ่อแม่อาจจะบอกว่าเด็กเป็นคนเชื่อฟังหัวอ่อน ให้ทำอะไรก็ทำหมด ไม่มีปากมีเสียง แต่จริงๆมักมีความขัดแย้งลึกๆที่เด็กไม่กล้าพูดไม่กล้าบอก มีความต่อต้านอยู่ลึกๆหลายๆคนหากเก็บกดมากๆบางทีก็กลายเป็นปัญหาพฤติกรรม อารมณ์ บางคนจากที่เคยเชื่อมาตลอดก็ต่อต้านขึ้นมาทันที

มีเด็กคนหนึ่ง มาด้วย อยู่ดีๆก็ไม่ยอมไปโรงเรียน แต่พอถามประวัติไป พบว่าพ่อแม่คอยแทรกแซงมาตลอด ไม่เคยรู้ว่าจริงๆลูกกำลังอยากทำอะไร ลูกกำลังไม่มีความสุข พ่อแม่จะห่วงหรือกังวลกับลูกได้เป็นธรรมดา แต่อย่าลืมมีสติด้วย แม้ว่าเราจะเป็นพ่อแม่ของเค้า แต่ลูกก็ต้องโตไปมีชีวิตของตัวเอง เราอยู่กับลูกไม่ได้ตลอดไป วันหนึ่งที่เขาต้องอยู่ได้ด้วยตัวเอง และไม่มีพ่อแม่คอยคิดหรือทำให้ ลูกจะอยู่เองได้ไหม

ถ้าไม่ใช่พ่อแม่ที่ต้องฝึกให้ลูกคิดและทำอะไรได้ด้วยตัวเอง แล้วลูกจะมีโอกาสทำอะไรเองเมื่อไหร่ แล้วตอนนั้นลูกจะพร้อมไหมเป็นเรื่องที่พ่อแม่ต้องคิดให้หนักทีเดียว

‪#‎หมอมินบานเย็น‬


เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์