เลี้ยงลูกไม่ให้ไปข่มขืนหรือฆ่าใคร‬

เลี้ยงลูกไม่ให้ไปข่มขืนหรือฆ่าใคร‬

ข่าวแย่ๆที่เกิดขึ้นเมื่อไม่กี่วันก่อน ถึงแม้จะเป็นเรื่องสะเทือนขวัญ แต่ไม่ใช่เรื่องใหม่ที่เกิดขึ้นในสังคมไทย กระแสสังคมขณะนี้ เกือบทุกคนมุ่งประเด็นไปที่ การเพิ่มโทษของกฎหมายให้หนักขึ้น ส่วนตัวหมอคิดว่าสิ่งที่สำคัญมากกว่าคือ การปลูกฝังเด็กให้มีจิตสำนึกที่จะไม่ทำในสิ่งที่เบียดเบียนคนอื่น (ไม่ต้องถึงขนาดไปข่มขืน หรือ ฆ่าใคร แค่ทำให้คนอื่นเจ็บช้ำน้ำใจ ก็ไม่ควรทำ)

ความผิดบางอย่างที่คนๆหนึ่งทำกับอีกคนหนึ่ง ลำพังแต่เพียงกฎหมาย อาจไม่สามารถจัดการได้ มันเป็นเรื่องมโนธรรม ความสำนึกในใจของบุคคล เช่น เด็กคนหนึ่งไปแกล้งรังแกเพื่อน (ดูเหมือนเป็นเรื่องเล็กๆ แต่ความไม่เอาใจใส่ในความรู้สึกของคนรอบข้าง ทำให้เด็กคนหนึ่งอาจจะโตขึ้นกลายเป็นผู้ใหญ่ที่เบียดเบียนสังคม) เป็นโจทย์สำคัญของพ่อแม่ ที่เมื่อรักที่จะให้กำเนิดลูกมาคนหนึ่ง ก็ถือเป็นความรับผิดชอบที่จะต้องทำให้ดีที่สุด เพื่อที่จะเลี้ยงให้เขาเป็นคนที่ไม่สร้างความเดือดร้อนให้ใคร จริงอยู่ว่าอาจมีหลายปัจจัยที่ทำให้เด็กคนหนึ่งเติบโตไปเป็นอย่างไร แต่ การเลี้ยงดูของพ่อแม่ถือเป็นปัจจัยหลักที่เกี่ยวข้อง

 

   เลี้ยงลูกให้ไม่ไปข่มขืนหรือฆ่าใคร ทำอย่างไร?

 

     1. เป็นตัวอย่างที่ดีให้ลูกเห็น

ความเสี่ยงหนึ่งของเด็กที่กลายเป็นอาชญากร ก็คือ พ่อแม่ทำในเรื่องผิดๆให้ลูกเห็นบ่อยๆ หรือเด็กเห็นตัวอย่าง อยุ่ในสภาพแวดล้อมที่มี อาชญากรรม หมอเคยดูคนไข้ที่มาด้วยเรื่องขโมยของเพื่อน เมื่อซักประวัติไป ก็พบว่าพ่อของเด็กก็เป็นคนที่ชอบคดโกง เอาของคนอื่นมาเป็นของตัวเอง เมื่อเด็กเห็นสิ่งไม่ดีมาตั้งแต่เด็ก ก็มีแนวโน้มที่จะมองว่าเรื่องไม่ดีเป็นเรื่องปกติที่คนทำกัน

 

     2. พ่อแม่ต้องมีความใกล้ชิดผูกพัน ให้ความอบอุ่น

เด็กจะรู้สึกมั่นคง ปลอดภัย ไว้วางใจพ่อแม่ เป็นพื้นฐานจิตใจที่จะนำไปสู่ความเห็นอกเห็นใจคนอื่น ไม่ทำอะไรให้คนอื่นเสียใจ เริ่มที่เห็นใจพ่อแม่ เพราะไม่อยากให้พ่อแม่เป็นทุกข์หรือเสียใจ และตรงนี้จะกลายเป็นพื้นฐานที่จะนำไปสู่การเห็นอกเห็นใจคนอื่นๆต่อไป

 

     3. รักลูกให้ถูกทาง

พ่อแม่ทุกคนรักลูก แต่ความรักแบบมีสติเป็นเรื่องจำเป็น บางคนรักลูกมาก ตามใจทุกอย่าง อยากให้อะไรก็ให้ ลูกก็จะกลายเป็นเด็กเอาแต่ใจ ยึดตัวเองเป็นศูนย์กลาง ไม่สนใจถ้าทำในเรื่องที่คนอื่นเดือดร้อน

 

     4. สอนให้ลูกมีความรับผิดชอบและควบคุมตัวเอง

เด็กๆจะเติบโตไปเป็นผู้ใหญ่ที่ดี ต้องรู้จักที่จะควบคุมตัวเองได้ รู้ว่าอะไรควรไม่ควรทำ มีวินัย รับผิดชอบ ถ้าพ่อแม่ไม่สอน เด็กๆก็จะไม่รู้

 

     5. ให้รู้จักว่าอะไรควรทำไม่ควรทำ

พ่อแม่ควรจะใจดี ใจเย็น แต่ไม่ควรใจอ่อนเกินไปเวลาที่บอกเด็กว่าอะไรที่ต้องทำ หรือห้ามทำอะไร ก็ต้องเป็นไปตามนั้น อย่างไรก็ตามก็ต้องเข้าใจความต้องการ ความรู้สึกว่าเด็กคงไม่ชอบที่พ่อแม่ขัดใจ แต่ก็ต้องยืนยันไปตามที่ตกลงกัน เขาจะรู้ว่าอะไรควรหรือไม่ควรทำ


เลี้ยงลูกไม่ให้ไปข่มขืนหรือฆ่าใคร‬

     6. จับที่ถูกและชมเชย

เมื่อเห็นว่าเด็กทำอะไรที่ดี ก็ต้องรีบชมเชย เป็นกำลังใจและสร้างแรงจูงใจที่ให้เขาทำดีต่อไป

 

     7. เอาใจลูกมาใส่ใจเรา

เด็กจะรู้สึกดีถ้าพ่อแม่เห็นอกเห็นใจ รับรู้อารมณ์ความรู้สึกของเขา ในสถานการณ์ความขัดแย้งกัน การแสดงออกว่าพ่อแม่เข้าใจว่าเขากำลังรู้สึกอย่างไร จะทำให้คุยกันเข้าใจขึ้น และเมื่อลูกรู้สึกว่าพ่อแม่ก็เข้าใจและเห็นใจเขา เขาก็จะมีความเข้าใจและเห็นใจคนรอบข้างต่อไป

 

     8. สอนให้ลูกรู้จักจัดการกับความโกรธ

อารมณ์โกรธเป็นเรื่องธรรมชาติ แต่ที่สำคัญกว่าคือ การจัดการความโกรธนั้นของตัวเอง เช่น โกรธได้เป็นเรื่องธรรมชาติ แต่การจัดการความโกรธอย่างเหมาะสมสำคัญกว่า ไม่ใช่ว่าโกรธแล้วจะต้องทำร้ายทำลายคนอื่น พ่อแม่ก็ต้องทำเป็นตัวอย่าง ว่าโกรธได้ แต่สามารถจัดการได้ เช่น โกรธก็ไปหาอะไรทำ ปรึกษาคนที่ไว้ใจ ไปออกกำลังกาย เป็นต้น

 

     9.สอนให้ลูกคิดอะไรไกลๆ มีเป้าหมายในชีวิต

หลายๆครั้งเด็กที่ทำผิดรุนแรง เป็นเพราะตามเพื่อน หรือ คิดอะไรง่ายๆ สั้นๆ ถ้าเด็กมีเป้าหมายว่าอนาคตอยากทำอะไร เป็นอะไร เด็กก็จะมีแนวโน้มดูแลตัวเองเพื่อไปสู้เป้าหมายนั้นได้ ลองพูดคุยถึงความฝันความหวังของเด็กเมื่อมีโอกาส

 

     10. ปลูกฝังทักษะการกล้าที่จะปฏิเสธในเรื่องไม่ถูกต้อง

เด็กๆส่วนหนึ่งที่ทำผิด เกิดเพราะการกดดันจากกลุ่มเพื่อน ว่าถ้ารักเพื่อนต้องทำตามๆกัน ต้องช่วยกัน แม้ว่าบางครั้งจะเป็นเรื่องที่ผิด เช่นไปเสพยาเสพติด ไปล้างแค้นฝ่ายตรงข้าม ควรปลูกฝังเรื่องความหนักแน่น กล้าที่จะปฏิเสธในเรื่องที่ไม่ถูกต้อง

 

     11. รู้จักเพื่อนของลูก

ลองชวนเพื่อนลูกมาเที่ยวบ้าน ทำอาหารให้กิน พูดคุยกัน พ่อแม่จะได้รู้เขารู้เรา ว่าเพื่อนๆที่ลูกคบอยู่เป็นยังไงบ้าง

 

ถ้าใครคิดว่ายาวเกินไป ขอบอกว่าข้อ 1 ถึงข้อ 3 เป็นพื้นฐานที่สำคัญมาก อย่างน้อยขอให้ทำให้ได้ และต้องทำตั้งแต่เด็กยังเล็ก จะมาเริ่มตอนโตบางครั้งก็ไม่ทันเสียแล้ว

‪#‎หมอมินบานเย็น‬


เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์