เมื่อถึงวันที่ต้องขัดใจลูก

เมื่อถึงวันที่ต้องขัดใจลูก

"ผมทนเห็นน้ำตาของลูกไม่ได้"คุณพ่อคนหนึ่งพูดกับหมอ
พ่อแม่ส่วนใหญ่มีแนวโน้มที่ไม่อยากจะขัดใจลูก เพราะว่าอยากให้ลูกมีความสุ ถ้าลูกอยากจะได้อะไร พ่อแม่ก็อยากจะหามาให้ลูก ถ้าทำได้ การได้เห็นลูกมีความสุข พอใจ สบายใจ เป็นความปรารถนาสูงสุดของพ่อแม่ แต่ทุกๆเรื่องก็ต้องมีความพอดีและควรมีจุดสมดุล อะไรที่มากเกินพอดี ก็จะนำมาซึ่งปัญหาน้ำที่เต็มเกินไป ทำให้ล้นออกมานอกแก้ว การไม่ขัดใจลูกก็เช่นกัน ถ้ายอมไปเสียทุกเรื่องหมอคิดว่าไม่น่าจะดี 
ปฏิเสธลูกให้เหมาะสม ขัดใจลูกบ้างให้ลูกรู้จักความผิดหวังบ้างในเรื่องเล็กๆน้อยๆ เพื่อความเข้มแข็งทางใจในอนาคต  เด็กๆสมัยใหม่ในสังคมปัจจุบัน ที่อะไรๆก็กลายเป็นเรื่องง่ายๆ อยากคุยกับใครกดปุ่มเดียวก็ได้ยินเสียง 
อยากได้อะไรสั่งได้ทางอินเตอร์เน็ตทุกเรื่องแทบไม่ต้องก้าวขาออกไปไหนความสบายมาถึงที่ ยิ่งมีผู้ปกครองที่รักและไม่ขัดใจด้วยความที่ไม่อยากให้ลูกเสียใจ ไม่อยากให้ลูกร้องไห้ ทนไม่ได้กับน้ำตาของลูก กลัวลูกเสียสุขภาพจิตบ้าง กลัวลูกไม่รักบ้าง เด็กสมัยนี้จึงกลายเป็นเด็กที่ไม่เคยรู้จักความผิดหวังอยากได้อะไรก็ได้ ทำให้เมื่อโตขึ้นต้องเจอกับความผิดหวังที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็จะรู้สึกทนไม่ได้ และเป็นทุกข์เสียใจมาก

จริงๆแล้วพ่อแม่สามารถสร้างความเข้มแข็งทางใจให้มีภูมิต้านทานต่อความผิดหวังได้ไม่ยาก แต่ต้องอาศัยความหนักแน่นและเข้มแข็งเวลาที่ลูกอยากได้ในสิ่งที่ยังไม่จำเป็น เช่น เด็กที่งอแงอยากกินขนมทั้งที่เพิ่งซื้อไป หรืออยากได้ของเล่นที่ไม่จำเป็น เราต้องหัดที่จะปฏิเสธเด็กให้ได้ บางทีเด็กจะร้องไห้เสียงดังเพื่อต้องการให้เรายอมตาม เราก็ต้องหนักแน่นพอที่จะยืนยันว่ายังไม่ถึงเวลา ซึ่งจะทำให้เด็กได้เรียนรู้ที่จะรอคอย ยับยั้งความต้องการของตัวเอ เมื่อเป็นผู้ใหญ่ก็จะรู้จักความเหมาะสมในเรื่องที่ต้องรอ สามารถ"อดเปรี้ยวไว้กินหวาน" ได้คงเคยได้ยินคำพูดที่ว่า "ผู้ใหญ่ควรจะดูแลรักษาโลกให้ดีเพื่อเด็กๆ" แต่สิ่งหนึ่งที่สำคัญ ก็คือการดูแลเด็กๆให้เติบโตไป เป็นคนที่สามารถดูแลโลกของเราสั่งสอนอบรมเด็กอย่างเหมาะสม ด้วยการขัดใจเด็กให้เป็นในเวลาที่สมควรนะคะ


เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์