เด็กพันธุ์ใหม่ : พันธุ์ถั่วงอก

เด็กพันธุ์ใหม่ : พันธุ์ถั่วงอก

        เคยมีผลการวิจัยพฤติกรรมของเด็กรุ่นใหม่ออกมาว่าเป็นคนขี้เหงา อยู่กับตัวเองไม่ได้ ร้อนรุ่ม ชอบใช้โทรศัพท์มือถือคุยนานๆ ต้องออกนอกบ้าน ไม่มีความเชื่อมั่นตัวเอง มีความอ่อนแอทางจิตใจ รอคอยความสุขไม่เป็น ต้องการความรวดเร็ว ขาดความยับยั้งชั่งใจ ตัดสินใจง่ายบนพื้นบานความสุขด้วยการเสพวัตถุสิ่งของราคาแพง เสพยาเสพติด มีค่านิยมทางเพศเสรี เมินศาสนา ขี้เกียจ ชอบสบาย ไร้สาระ

มีผู้เรียกเด็กเหล่านี้ว่าเป็นเด็กพันธุ์ใหม่ ที่จริงผมเคยวิเคราะห์และเขียนไว้นานแล้วว่า เราจะได้พบเด็กพันธุ์ใหม่นี้ หรือมนุษย์พันธุ์ใหม่นี้แน่ๆ ซึ่งผมเรียกว่า เด็กพันธุ์ถั่วงอก ซึ่งจะเติบโตเป็นมนุษย์พันธุ์ถั่วงอกต่อไป ความหมายของถั่วงอกก็คือ จะเติบโตเร็วทางร่างกาย แต่ทางจิตใจไม่ค่อยมีคุณค่ามักจะเข้าข่ายมองใกล้ใฝ่ต่ำ ไม่มีคุณธรรมและไม่มีวินัย ชอบใช้ชีวิตกลางคืน ไม่รับผิดชอบ ไม่มีแก่นของชีวิต มีแต่เปลือกนอกที่แลดูอวบอิ่ม โตเร็ว ตายเร็ว เน่าเร็ว (ทำผิดง่าย) ไม่ค่อยมีคุณค่า เอาแต่ได้ ต่างจากมนุษย์พันธุ์สักทองอย่างสิ้นเชิง พวกนี้พร้อมจะทำผิดได้ง่ายๆ ทั้งติดยาเสพติด ขายตัว ขายศักดิ์ศรี รู้สึกเหงา ว้าเหว่ หลายรายเข้าข่ายระแวงคนอื่นผมจึงไม่แปลกใจที่เห็นรายงานวิจัยชิ้นดังกล่าวออกมา และเห็นว่าในอนาคตลักษณะเด็กไทยจะเลวร้ายกว่านี้อีกที่กล้าพูดเช่นนี้เพราะเห็นว่า การอบรมเลี้ยงดูและสิ่งแวดล้อมของเยาวชน ไม่เอื้อให้เขาเติบโตขึ้นมาเป็นคนที่มีคุณภาพที่ได้มาตรฐานสากลเลย เด็กจะเติบโตทางร่างกาย แต่จิตใจและวิญญาณของความเป็นมนุษย์ ไม่ได้ถูกพัฒนาอย่างเหมาะสม ซึ่งเป็นอันตรายและถือเป็นความล้มเหลวในการพัฒนามนุษย์ในสังคมของเรา ผมมีความเห็นว่า การพัฒนาเด็กให้ได้ดีนั้น ต้องเน้นที่การพัฒนาที่ระดับจิตใต้สำนึก (Subconscious) จึงจะได้ผลดี ไม่ใช่อบรมพัฒนาในระดับจิตสำนึกซึ่งเขารู้ตัวและพยายามทำให้ “แลดูว่าดี” แต่ในจิตใต้สำนึกไม่พัฒนา ผลของพฤติกรรมจึงออกมาไม่มีคุณภาพดังกล่าวมาแล้ว

ปัจจัยใหญ่ที่ทำให้เยาวชนพัฒนาจิตใต้สำนึกได้ไม่ดี เป็นเพราะสังคมเรายังยึดติดกับค่านิยมเก่าๆ ที่การอบรมเลี้ยงดูเด็ก การจับผิด ไม่ยกย่อง เปรียบเทียบ เปรียบเปรย ประชดประชัน ส่อเสียด หรือโหดร้าย สิ่งเหล่านี้จะไปฝังแน่นอยู่ในระดับจิตใต้สำนึกของเด็ก ทำให้เขาตระหนักว่าเขาเป็นคนไม่ดี มีความด้อยอยู่เสมอ แม้เขาจะทำอะไรได้สำเร็จ เขาก็ยังนึกถึงความด้อยและความไม่ดีของตัวเขาอยู่ ทำให้ขาดการยกย่องนับถือตัวเองตามความจริง (Self Esteem) ทำให้เกิดภาวะไม่รักตัวเองพร้อมจะทำผิดได้ง่าย ไม่พัฒนาตัวเอง ปัจจัยที่ทำให้เด็กสมัยนี้กลายเป็นเด็กพันธุ์ถั่วงอกนั้น ได้แก่

   1. ขาดความรักพื้นฐาน (Basic Love) เขาไม่สามารถรักพ่อแม่ได้สนิทใจ เนื่องจากการอบรมเลี้ยงดูแบบจับผิดของพ่อแม่ดังกล่าว เขาจะเหมือนคนหิวโหยความรักอยากได้ความรัก แต่รักคนไม่เป็น เขาจะต้องการความรักและความสนใจจากคนอื่นได้เท่าไรก็ไม่เคยพอ เหมือนบ่อน้ำกั้นรั้วเขาจึงอยากเป็นคนเด่นอยากดังอย่างง่ายๆ เร็วๆ ชอบแต่งตัว ใช้ของแพงๆ เพื่อให้คนอื่นสนใจ มักผิดหวังง่าย ใจน้อยแสนงอนง่าย เพราะอยากให้ใครๆ มาสนใจแล้วไม่ได้ดังใจนึก มีความรู้สึกก้าวร้าวและพร้อมจะต่อต้านสังคม ทำผิดกฎหมายและศีลธรรมได้ง่าย

   2. ขาดความเชื่อพื้นฐาน (Basic Trust) คือความเชื่อที่เขาควรจะเชื่อพ่อแม่ได้อย่างสนิทใจ แต่เขาก็ไม่สามารถเชื่อได้เพราะพ่อแม่ทำให้เขารักและเชื่อไม่ได้ เนื่องจากวิธีการเลี้ยงดูที่จับผิดและไม่ยกย่องอย่างเหมาะสมดังกล่าว เมื่อเติบโตต่อไปเขาก็กลายเป็นคนระแวง เชื่อคนลำบาก คบใครๆ ยาก จึงกลายเป็นคนเหงา แยกตัวเข้าสังคมลำบาก เวลาอยากสนุกหรือมีความสุขก็ทำตัวไม่ถูก จึงมักอาศัยยาบ้าหรือสิ่งเสพติด สิ่งมึนเมาเข้ามาช่วย ความเหงาจะผลักดันให้เขาแสวงหาความตื่นเต้นของชีวิต เช่น หาเซ็กส์บ่อยๆ หรือแปลกๆ หาสิ่งเสพติดหรือกิจกรรมเสี่ยงความตาย หรือเสี่ยงกฎหมาย เพื่อให้รู้สึกตื่นเต้นซึ่งก็ทำให้หายเหงาได้ชั่วครู่เดียว ต่อไปก็จะเหงาและระแวงผู้คนมากขึ้นอีก ขาดความอบอุ่นทางใจมากขึ้นอีก สร้างความรักและมิตรภาพกับผู้คนได้ยาก

   3. ขาดความรู้สึกนับถือตัวเองตามความเป็นจริง (Self Esteem) และขาดความตระหนักในความมีค่าของตนเอง (Ego Asset) เป็นเพราะถูกจับผิด ไม่ได้รับการยกย่องอย่างเหมาะสมจากการเลี้ยงดูจึงมักดูถูกตัวเอง จับผิดตัวเอง ไม่ภาคภูมิใจในตัวเอง ไม่เห็นคุณค่าและความมีค่าของตนเอง แม้จะอยากทำดีในบางครั้ง แต่ก็คิดว่าคงทำไม่ได้ เพราะความรู้สึกว่าตัวเองต่ำต้อย ไร้ค่าอยู่มาก จึงหมดกำลังใจง่ายบุคคลเหล่านี้ไม่มีความสุข พร้อมจะทำผิดกฎหมายและศีลธรรมได้ง่าย เพราะคิดว่าตัวเองก็ไม่ดีอยู่แล้ว ถ้าจะทำไม่ดีอีกนิดหน่อยก็คงไม่เป็นไร เช่น คิดว่าอยากมีเงินไปเป็นโสเภณีก็ได้ หรือโกงเขาก็ได้ ไม่เป็นไรหรอกการพัฒนาให้เกิดความรักศักดิ์ศรีในความเป็นมนุษย์ทำได้ยากมาก

เด็กขาดความอดทนรอคอยเพราะ เชื่อว่าจะสามารถได้รับสิ่งดีๆ อยากมีความสุขเร็วๆ ก็ติดยาไปเลยโดยไม่คิดถึงอนาคต การใช้โทรศัพท์นานๆ เป็นเพราะเหงาอยากคุยกับเพื่อน ซึ่งก็เหงาเหมือนกันจึงคุยกันนานๆ ด้วยเรื่องซ้ำๆ และถือเป็นค่านิยมที่แลดูโก้ หรือรวยที่มีโทรศัพท์ยี่ห้อดีๆ หรือของใช้ราคาแพงๆ เพราะตัวเองรู้สึกต่ำต้อยอยู่แล้ว ถ้ามีของแพงๆ ดีๆ ไว้ใช้อาจจะทำให้ตัวเองแลดูดีหรือแพงได้อย่างง่ายๆ ไปด้วย เขาจะขาดความเชื่อมั่นตัวเองอยู่กับตัวเองยากเป็นเพราะ ขาด Self Esteem ดังกล่าวแล้ว เขาจะไม่เชื่อศาสนา ขี้เกียจ ไร้สาระ เพราะมองไม่เห็นความหวังของชีวิตขาดความเชื่อและศรัทธาต่อชีวิต เพราะขาดความเชื่อพื้นฐาน ทำให้ไม่อยากเชื่ออะไรและรอคอยอะไรทั้งสิ้นเป็นชีวิตที่ไม่อยากหวัง ไม่กล้าหวัง สภาพจิตใจที่ขาดความรักพื้นฐานขาดความเชื่อพื้นฐาน และขาดความนับถือยกย่องตัวเองนี้อยู่ในระดับจิตของใต้สำนึกทั้งนั้น เด็กอาจจะรู้สึกตัวว่ามีอาการดังกล่าวแต่อาจจะไม่รู้ว่ามาจากสาเหตุใดเด่น ชัด

ถ้อยคำหรือภาพของการถูกทำให้ต่ำต้อย ถูกจับผิด ไม่ยกย่องตั้งแต่วัยเด็กอาจจะหลุดออกมา จากการสัมภาษณ์โดยวิธีจิตเวช ทำให้จิตแพทย์สามารถวิเคราะห์ถึงต้นตอที่แท้จริงได้ ซึ่งแต่ละคนจะมีดีกรีของความรุนแรง ของความขาดที่แตกต่างกัน อาการก็แตกต่างกัน บางรายถึงขั้นก้าวร้าวกับสังคม ต่อต้านสังคม ก้าวร้าวพ่อแม่ ทำร้ายพ่อแม่ หรือก้าวร้าวต่อตนเอง และทำร้ายตนเองก็พบได้พ่อแม่พามาหาจิตแพทย์ก็มาก บางรายทั้งเหงาและระแวงจนเข้าข่ายโรคจิตก็พบได้มากเช่นกัน

จากการที่เด็กมีสภาพจิตใจที่ไม่เป็นสุขจนเกิดอาการทางจิตเวชดังกล่าวแล้วทำให้พบอาการเพิ่มเติมอื่นๆ อีกคือ

    ความฉลาดจะลดน้อยลง (IQ) ต่ำลง

    มีความบกพร่องทางด้านความจำหรือสมาธิสั้น

    มีความเจ็บป่วยทางร่างกายได้บ่อยๆ

    มีความต้านทานโรคต่ำ ร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง

    อารมณ์เสียง่าย ไม่มีความสุขโดยหาสาเหตุไม่ได้

นี่แหละลักษณะของเด็กพันธุ์ถั่วงอกที่เราจะพบได้มากขึ้นและกลายเป็นสังคมของคนพันธุ์ถั่วงอกให้เห็นได้ชัดในไม่ช้านัก

 

 


เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์