วัคซีนสำหรับเด็ก

วัคซีนสำหรับเด็ก

วัคซีนที่อยู่ในแผนการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค กระทรวงสาธารณสุข เรียกว่า วัคซีนพื้นฐาน (Compulsory vaccines) ซึ่งเด็กไทยควรได้รับทุกคน ได้แก่

    วัคซีน BCG ป้องกันวัณโรค ให้ตั้งแต่แรกเกิด  มีประสิทธิภาพในการป้องกันวัณโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบและวัณโรคชนิดแพร่กระจาย (miliary) ได้ถึง 83% แต่ป้องกันวัณโรคปอดได้ไม่แน่นอนมักฉีดที่ไหล่ซ้ายและเกิดเป็นแผลเป็นหลังฉีด

    วัคซีนป้องกันโรคโปลิโให้เมื่ออายุ 2 เดือน 4 เดือน 6 เดือน ขวบครึ่ง และสามถึงสี่ขวบ ช่วยป้องกันการเกิดโรคโปลิโอจากเชื้อไวรัสโปลิโอ ปัจจุบันมีใช้อยู่ 2 ชนิด ได้แก่ 1. วัคซีนโปลิโอชนิดกิน (OPV) เป็นวัคซีนชนิดเชื้อเป็นที่ทำให้อ่อนฤทธิ์ลง ซึ่งหากได้รับการหยอดอย่างน้อย 3 ครั้งขึ้นไปจะสามารถป้องกันโรคโปลิโอได้เกือบ 100% และภูมิคุ้มกันจะอยู่ตลอดชีวิต

    วัคซีนป้องกันโรคคอตีบ บาดทะยัก ไอกรน ให้พร้อมกับวัคซีนป้องกันโปลิโอ คือ เมื่ออายุ 2 เดือน 4 เดือน 6 เดือน ขวบครึ่ง และสามถึงสี่ขวบ อาจให้กระตุ้นอีกครั้งเมื่ออายุ 11-12 ปี  ใช้ป้องกันโรคคอตีบจากเชื้อแบคทีเรีย Corynbacterium diphtheria โรคบาดทะยักจากสารพิษ tetanus toxin ที่สร้างจากเชื้อแบคทีเรีย Clostidium tetani และโรคไอกรนจากเชื้อ Bordetella pertussis ได้ถึง 95-100% ซึ่งภูมิคุ้มกันจะอยู่ได้นานถึง 10 ปี

    วัคซีนป้องกันโรคตับอักเสบบี ให้ 3 ครั้ง ตั้งแต่แรกคลอด อายุหนึ่งถึงสองเดือน และอายุ 6 เดือน เป็นวัคซีนที่ใช้ป้องกันการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี ได้สูงถึง 95% ซึ่งปัจจุบันเพื่อความสะดวกมากขึ้นกระทรวงสาธารณสุขจึงได้ใช้เป็นวัคซีนรวม คอตีบ-บาดทะยัก-ไอกรน-ตับอักเสบบี

    วัคซีนป้องกันโรคหัด คางทูม หัดเยอรมัให้เมื่ออายุ 1 ขวบ และอาจให้กระตุ้นอีกครั้งเมื่ออายุ 4-6 ขวบ

    วัคซีนป้องกันโรคไข้สมองอักเส ให้เมื่ออายุ 1 ขวบ และให้กระตุ้นอีกครั้ง 3-12 เดือนถัดไป

วัคซีนที่อยู่นอกแผนการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค กระทรวงสาธารณสุข เรียกว่า วัคซีนเสริม ได้แก่

    วัคซีนป้องกันโรคจากเชื้อ H. influenza type B (HIB) ให้เมื่ออายุ 2 เดือน 4 เดือน 6 เดือน และกระตุ้น 1 ครั้งช่วงอายุ 12-15 เดือน ช่วยป้องกันการติดเชื้อแบคทีเรีย Haemophilus influenzae ชนิดบี ที่ทำให้เกิดโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ โรคติดเชื้อในกระแสเลือด

    วัคซีนป้องกันโรคตับอักเสบเอ ให้ได้ตั้งแต่อายุ 1 ขวบขึ้นไป 2 ครั้ง ห่างกัน 6 เดือนถึง 1 ปี

    วัคซีนป้องกันโรคสุกใส เป็นวัคซีนชนิดเชื้อที่ทำให้อ่อนฤทธิ์ลงช่วยป้องกันโรคอีสุกอีใสหรือลดความรุนแรงของโรคได้ ให้ได้ตั้งแต่อายุ 1 ขวบขึ้นไป และอาจให้กระตุ้นอีกครั้งช่วง 4-6 ขวบ

    วัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ ให้ได้ตั้งแต่อายุ 6 เดือนขึ้นไป ช่วยป้องกันการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ทั้งชนิด A และ B โดยวัคซีนไข้หวัดใหญ่จะมีส่วนประกอบของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ 3 สายพันธุ์ ได้แก่ ชนิด A จำนวน 2 สายพันธุ์ (H1N1 และ H3N2) และชนิด B 1 สายพันธุ์

    วัคซีนป้องกันโรคจากเชื้อ Streptococcus pneumoniae หรือที่เรียกว่า วัคซีนไอพีดีได้แก่ การติดเชื้อที่เยื่อหุ้มสมอง การติดเชื้อในกระดูกและข้อ และการติดเชื้อในกระแสเลือด นอกจากนี้เชื้อ pneumoniae ยังก่อให้เกิดโรคที่ไม่รุนแรงได้ เช่น หูชั้นกลางอักเสบ ไซนัสอักเสบ และปอดอักเสบ เป็นต้น ปัจจุบันวัคซีน Pnc มี 2 ชนิด ได้แก่ 1. วัคซีนนิวโมคอคคัสชนิดคอนจูเกต (Pneumococcal conjugate vaccine; PCV) มีให้เลือกใช้ทั้งชนิด 13 สายพันธุ์ (PCV13) และชนิด 10 สายพันธุ์ (PCV10)  ให้ได้เมื่ออายุ 2 เดือน 4 เดือน 6 เดือน และกระตุ้นเมื่ออายุ 1 ขวบ

    วัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อโรตาไวรัสที่ทำให้เกิดท้องเสีเป็นวัคซีนแบบหยอดทางปาก เป็นวัคซีนเชื้อเป็นชนิดกินที่ทำให้อ่อนฤทธิ์ลง ช่วยป้องกันโรคอุจจาระร่วงรุนแรงในเด็กอายุ 6 เดือนถึง 2 ปีจากเชื้อโรต้าไวรัส ปัจจุบันมีจำหน่ายอยู่ 2 ชนิด คือ

1.วัคซีนไวรัสโรต้า ชนิด 1 สายพันธุ์ แนะนำให้หยอด 2 ครั้งที่อายุ 2 และ 4 เดือน หรือ ที่อายุ 4 และ 6 เดือน โดยครั้งสุดท้ายต้องภายในอายุ 8 เดือน และให้ห่างจากครั้งแรกไม่น้อยกว่า 4 สัปดาห์

2.วัคซีนไวรัสโรต้า ชนิด 5 สายพันธุ์ แนะนำให้หยอด 3 ครั้งที่อายุ 2, 4 และ 6 เดือน โดยครั้งสุดท้ายต้องภายในอายุ 8 เดือน และแต่ละครั้งต้องห่างกันไม่น้อยกว่า 4 สัปดาห์


เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์