ปลุกลูกให้ตื่นนอนผิดวิธี…มีผลต่ออารมณ์

ปลุกลูกให้ตื่นนอนผิดวิธี…มีผลต่ออารมณ์

คุณพ่อคุณแม่รู้หรือไม่ว่าการปลุกลูกน้อยแบบไม่ถูกวิธี อาจส่งผลทำลายระบบการทำงานของร่างกาย และทำให้มีแนวโน้มในการตอบสนองช้าลง!!! คุณพ่อคุณแม่บางบ้านอาจประสบปัญหาลูกน้อยตื่นยาก ขี้เซา งอแงเวลาตื่นนอน ถึงกับต้องปวดหัวคิดหาสารพัดวิธีในการงัดเจ้าตัวเล็กให้ลุกออกจากเตียง สงครามย่อมๆ ในตอนเช้า พาลทำให้คุณพ่อคุณแม่ต้องหงุดหงิดอารมณ์เสียก่อนไปทำงานทุกวัน มาลองปรับเปลี่ยนวิธีปลุกใหม่ รับรองได้ว่า สบายใจทั้งคุณแม่และเจ้าตัวเล็กก็ไม่งอแง แถมอาจตื่นเองไปซะงั้น

      1.ปลุกด้วยเพลงสนุกๆ แทนที่จะเรียกด้วยเสียง ลองเปิดเพลงที่เขาชอบ แล้วชวนลุกขึ้นมาร้องเพลงหรือเต้นกับเพลงที่เขาชอบด้วยกัน 
      2.ปลุกด้วยการหอม ใช้ความรักเป็นตัวปลุก เริ่มจากหอมแก้ม ถ้ายังไม่ตื่นก็หอมพุงบ้าง ถ้ายังไม่ตื่นก็หอมทั้งตัวเลย ไม่นานลูกจะตื่นขึ้นมาอย่างอารมณ์ดีพร้อมกับความรู้สึกว่าเรารักเขา 
      3.ปลุกด้วยนิทาน นิทานไม่ได้ใช้ได้แต่เฉพาะก่อนนอนเท่านั้น แต่ยังใช้เพื่อปลุกให้ลูกตื่นนอนได้ด้วย ลองเลือกหรือแต่งนิทานสั้นๆ มาเล่าให้เขาฟัง เรื่องราวและน้ำเสียงที่เร้าใจจะชวนให้เขาอยากลุกขึ้นมาฟังเรา 
      4.ปลุกด้วยหุ่นมือ ลองหาซื้อเจ้าพัพเพ็ตมาเป็นกลเม็ดในการปลุกลูก เทคนิคสำคัญว่าคุณพ่อคุณแม่ต้องไม่เป็นตัวเอง สวมหุ่นเข้ากับมือปุ๊บ สวมวิญญาณของเจ้าหุ่นชวนเขาตื่นไปเล่นด้วยกัน แนะนำว่าตุ๊กตาที่มีสีสันสดใสจะช่วยกระตุ้นให้ลูกตื่นดียิ่งขึ้น 
      5.ปลุกด้วยอาหารเช้า ลองเตรียมอาหารที่ลูกชอบไว้ก่อน แล้วไปปลุกพร้อมบอกว่าวันนี้มี…(ชื่ออาหาร)…จานโปรดของหนูวางอยู่บนโต๊ะนะ รีบอาบน้ำแต่งตัวไปกินกันดีกว่า ถ้าเด็กคนไหนที่ชอบรับประทานอาหาร รับรองว่าลุกแน่นอน 
      6.ปลุกด้วยการเตรียมตัว นี่คือขั้นสุดยอดของการปลุกลูกน้อยยามเช้า คือการสร้างวินัยให้เขา เริ่มตั้งแต่ให้ลูกเตรียมชุดหรืออุปกรณ์การเรียนก่อนนอนแบบนี้จะช่วยให้เขาเกิดความรู้สึกว่าได้รับผิดชอบตัวเองเขาจะรู้สึกตื่นเต้นรอให้เวลาเช้ามาถึงเร็วๆเพื่อว่าจะได้สวมใส่ชุดที่จัดเตรียมไว้ด้วยตัวเอง 


ปัจจัยต่างๆ ที่มีผลต่อการตื่นนอนตอนเช้าของลูกน้อย

      1.ลักษณะนิสัยเฉพาะตัวของเด็กแต่ละคนที่ไม่เหมือนกันบางคนตื่นนอนเช้าเองจนเป็นนิสัยมาตั้งแต่ยังเป็นทารก แต่บางคนก็ขี้เซาจนเป็นนิสัยเช่นกัน 
      2.สิ่งแวดล้อมในการเลี้ยงดู หรือกฎระเบียบในครอบครัวถ้าครอบครัวใดมีเวลารับประทานอาหารเช้าของทุกวันร่วมกันลูกก็จะรู้จักเวลาอาหารเช้าของครอบครัวตั้งแต่เล็กๆการที่ได้ร่วมโต๊ะอาหารด้วยตั้งแต่แรก จะกลายเป็นวินัยที่เขาต้องปฏิบัติโดยอัตโนมัติในขณะที่บางบ้านไม่มีเวลาอาหารเช้าที่แน่นอน แต่เพราะอาจมีปัจจัยอื่นกระตุ้นให้เขาตื่นเช้าก็ได้ เช่นถ้าปกติญาติผู้ใหญ่เป็นผู้เลี้ยงดู ก็อาจชอบตื่นเช้าตามเพื่อมาใส่บาตรเป็นกิจวัตรหรือตื่นขึ้นมาเพื่อติดตามดูรายการโทรทัศน์ที่ชื่นชอบ เป็นต้น 

แต่ในขณะเดียวกันคุณพ่อคุณแม่รู้หรือไม่ว่าการปลุกลูกน้อยแบบไม่ถูกวิธี อาจส่งผลทำลายระบบการทำงานของร่างกาย และทำให้มีแนวโน้มในการตอบสนองช้าลง ส่งผลร้ายต่อสุขภาพของลูกน้อย 

สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรทำในการปลุกลูกให้ตื่นนอน มีดังนี้

  1.       1.เข้าไปตะโกนเรียกลูกน้อยเสียงดังด้วยความโมโห จะทำให้คนที่หลับสนิทอยู่นั้นมีความรู้สึกว่าไม่ปลอดภัย
  2.       2.ดึงผ้าห่มออกแรง อุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันมีผลทำลายระบบประสาท
  3.       3.ตีที่ร่างกายเพื่อให้รู้สึกตัว ภายใต้จิตใต้สำนึกนั้นจะเกิดพฤติกรรมโต้ตอบการจากถูก “โจมตี” ทันที
  4.       4.ปลุกด้วยเสียงดังรบกวน เสียงเหล่านี้ทำให้ลูกน้อยรู้สึกเบื่อหน่าย และเกิดอารมณ์หงุดหงิดง่าย

เมื่อคุณพ่อคุณแม่หาวิธีการปลุกลูกน้อยที่เหมาะสมได้แล้ว ให้ใช้วิธีการเดิมปลุกเป็นประจำทุกวันเพื่อให้เกิดความเคยชิน และไม่ควรเปลี่ยนวิธีการปลุกบ่อยๆ ทั้งนี้วิธีการปลุกลูกน้อยที่ดีคือ การปลุกที่อ่อนโยน และต้องใช้ความอดทนเป็นอย่างมาก



เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์