ทำยังไง..เมื่อลูกน้อย..ตัวป่วน..ทำคุณแม่..อารมณ์ปรี๊ด!!

ทำยังไง..เมื่อลูกน้อย..ตัวป่วน..ทำคุณแม่..อารมณ์ปรี๊ด!!

เหตุการณ์ทำนองนี้ เกิดได้กับทุกๆบ้านครับ เป็นเรื่องปกติ...ย้ำ! เป็นเรื่องปกติครับ ซึ่งความป่วนของลูก อาจมีได้ตั้งแต่ร้องงอแงเอาแต่ใจ ทำของเสียหาย เอาสมาร์ทโฟนขุ่นแม่ไปทดสอบการกันน้ำ  สร้างจิตรกรรมฝาผนัง(บ้าน)ด้วยลาย abstract จุดไปเผาบ้านเล่น (เฮ่ย..อันนี้เกินไป!) ..ฯลฯ

มาดูกันครับ..ว่าคุณแม่ๆ จะมีวิธีจัดการกับอารมณ์ตัวเองอย่างไรให้ใจเย็นขึ้น

   ทำยังไง เมื่อลูกน้อยตัวป่วนทำคุณแม่อารมณ์ปรี๊ด

 

     1.ลูกไม่ใช่ผู้ใหญ่ตัวเล็ก ลูกมีระบบความคิด ความเข้าใจไปตามพัฒนาการของเขา จะให้เข้าใจ แจ่มแจ้ง เป๊ะเวอร์ดังใจเราทุกอย่างตั้งแต่แรกๆ คงเป็นไปได้ยาก ย่อมมีอะไรผิดพลาดบ้างเป็นเรื่องปกติ ดังนั้นปรับลดความคาดหวังกับลูกสักนิด จะผ่อนคลายและใจเย็นขึ้นครับ

 

     2. การกระทำหลายๆอย่างของลูกเป็นการทดสอบ ทดลอง 

ตามพัฒนาการทางความคิดและเกิดการเรียนรู้เช่น โยนแก้วให้แตกดูซิ เทน้ำราดโทรศัพท์ดูซิ แยกชิ้นส่วนของเล่นดูซิ... ฯลฯ ดังนั้น ท่องไว้ครับ เพื่อการพัฒนาไอคิว และอนาคตอันสดใส (อาจต้องแลกด้วยข้าวของที่มีราคา ...//น้ำตาไหลพราก T__T) อย่าปิดกั้นการเรียนรู้ของลูกด้วยการดุด่าลูก 

แต่ตักเตือนอย่างหนักแน่นว่าอันไหนเล่นได้หรือเล่นไม่ได้

 

        3. และแน่นอน การทดสอบของลูก เป็นการทดสอบปฏิกิริยาของแม่เช่นกันว่าแม่จะมีทีท่าเป็นอย่างไร  จะเฉยๆ..จะเป็นนางฟ้า..หรือจะเป็นนางยักษ์ผู้เหี้ยมโหด ระลึกไว้เสมอว่าลูกจับตามองเราอยู่ 

ไม่อยากให้ลูกเป็นอย่างไร ก็อย่าแสดงแบบนั้นให้ลูกเห็น เพราะเด็กเล็กๆเป็นนักเลียนแบบตัวยง (เหมือนซะยิ่งกว่าของก๊อปจีนแดงอีกนะครับ)ดังนั้นใช้โอกาสช่วงนี้เหละครับ แสดงให้ลูกเห็นไปเลย ว่าคุณเจ๋งแค่ไหน (ชามสังคโลกมรดกตกทอดแตกแค่นี้ ไม่ทำให้ชั้นสติแตกได้หรอก หึๆๆ ดูไว้ซะลูก ว่าความอดทนอดกลั้นเค้าทำกันยังไง) แล้วเตือนเค้าด้วยความหนักแน่นตามข้อสองเคยมีแม่เด็กถามว่าลูกเป็นคนขี้โมโหมากเลยค่ะ ทำไงดีคะ เลยถามว่าแล้วคุณแม่ทำยังไงครับ เวลาลูกโมโห คุณแม่ตอบว่า ดิฉันก็ฟาดด้วยไม้เรียวเลยค่ะ ก็มันโมโหนี่คะ (เอิ่ม...ขี้โมโหมาจากแม่นี่เอง -__-“ )


        4. หากนิสัยเดิมของคุณแม่ เป็นคนอารมณ์ร้อนมาก่อน นี่แหละครับ เป็นโอกาสที่คุณจะได้พัฒนาตัวเอง อัพเลเวลเป็นคนใจเย็นขั้นเทพ แบบที่คุณอาจไม่คิดมาก่อนว่าชีวิตนี้จะทำได้ท่องไว้ครับ(อีกแล้ว!) ลูกกำลังดูเราอยู่ !

 

        5. ตั้งสติ สำรวจอารมณ์ตัวเองครับ ว่า ณ ตอนนั้น เรารู้สึกยังไง ถ้ารู้ว่าอารมณ์ขึ้น ปรี๊ดสุดๆ ให้หยุดทุกอย่าง หยุดการพูด การกระทำทั้งหมดลงชั่วคราวก่อนครับ เพื่อป้องกันการกลายร่าง เอ้ย..หลุดคำพูดหรือการกระทำที่ไม่ดีหรือใช้ความรุนแรงต่อหน้าลูกออกไป

 

        6. ปลีกวิเวกออกไป (อาจให้คนอื่นมาช่วยดูลูกก่อน) 

หายใจเข้าออกช้าๆลึกๆครับ (ท่องไว้ เพื่อลูกๆๆ) พออารมณ์เย็น ค่อยกลับไปใหม่ ให้ทั้งแม่และลูกใจเย็นขึ้นถึงตอนนั้น จะตักเตือน ยังไงก็ทำได้เลยครับ 
แม่บางท่านอาจต้องฝึกดราม่าเพิ่มนิดหน่อยครับ ภายนอกที่ดูเข้มแข็งหนักแน่น แต่ในใจอาจลุกเป็นไฟ อยากจับเจ้าตัวแสบมาตีก้นให้รู้แล้วรู้รอด

(หลักการคือหนักแน่น แต่ไม่ใช้อารมณ์ครับ)

 

        7. ให้ลูกมีส่วนรับผิดชอบกับการกระทำของตัวเอง เช่น 

มาช่วยเช็ดพื้นที่เปียก เก็บของเล่นที่กระจัดกระจาย (ถ้าลูกยังเล็ก อาจช่วยจับมือทำได้)

...อ่านแล้วดูไม่ยากใช่มั้ยครับ แต่สถานการณ์จริง บอกเลย ยากกกกครับ 
ค่อยๆฝึกไปเรื่อยๆ ผิดพลาดบ้างก็เป็นเรื่องปกติ 
แล้วทั้งแม่และลูกจะพัฒนาเก่งขึ้นไปด้วยกันครับ

‪#‎หมอไปป์‬ แฮปปี้คิดส์


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์