ตำหนิอย่างไร...ลูกไม่เสียเซลฟ์

ตำหนิอย่างไร...ลูกไม่เสียเซลฟ์

การดุ ตำหนิ มีเป้าหมายเพื่อให้ลูกตระหนักในความผิด ความไม่ถูกต้องจากพฤติกรรมของตัวเอง เกิดการเรียนรู้และแก้ไขเพื่อไม่ให้เกิดการกระทำผิดซ้ำแต่การตำหนิลูกไม่ถูกวิธี อาจทำให้ลูกสูญเสียความเชื่อมั่น และคุณค่าในตัวเอง เป็นปมขัดแย้งในใจ เกิดพฤติกรรมต่อต้าน สัมพันธภาพระหว่างพ่อแม่-ลูกแย่ลงได้ลองดูวิธีดุลูกอย่างเหมาะสมครับ ว่าควรทำอย่างไร

     ตำหนิอย่างไร...ลูกไม่เสียเซลฟ์

     1. พ่อแม่ต้องปรับใจเป็นกลาง ว่าเด็กทุกคน มีโอกาสทำผิดกันได้ทั้งนั้น ประสบการณ์การเรียนรู้ของเด็กยังน้อย จะให้เก่ง รู้เรื่องไปหมดคงเป็นไปไม่ได้ ตอนเราเป็นเด็กก็ยังเคยทำผิดมาก่อน อย่าเพิ่งอคติตั้งแง่กับลูกตั้งแต่เริ่มต้นเมื่อลูกทำผิด

     2. รับฟังเหตุผลในมุมมองของเขาจนจบ อย่าเพิ่งไปมองว่าลูกโกหก หรือแก้ตัวน้ำขุ่นๆ ดูไม่เข้าท่าในสายตาเราการที่เราสอดแทรก เปิดฉากดุว่าทันที และไม่เปิดใจรับฟัง ลูกจะคิดว่าเราไม่มีเหตุผล และจะไม่อยากอธิบายหรือเล่าให้เราฟังอีกในครั้งหลังๆ ยิ่งทำให้ลูกดื้อเงียบ หรือต่อต้านหนักกว่าเดิมได้

     3. ตำหนิที่ “พฤติกรรม” ไม่ใช่ที่ “ตัวตน”เช่น ลูกพูดคำหยาบในบ้าน ควรตำหนิว่า“แม่ไม่ชอบที่ลูกพูดคำหยาบแบบเมื่อกี๊”ไม่ควรตำหนิว่า “ลูกแย่มากที่พูดแบบนั้น”พฤติกรรมเป็นสิ่งที่แสดงออกมาภายนอก เมื่อเราตำหนิที่พฤติกรรม หมายความว่า สิ่งที่เราไม่ชอบ ไม่ยอมรับคือ พฤติกรรมของเขา ไม่ได้แปลว่าเราไม่ยอมรับในตัวตนของเขา เราก็ยังรักเขาเหมือนเดิม

การตำหนิที่ตัวตน เช่น ลูกแย่มาก ลูกช่างไม่ได้เรื่อง โง่ น่าเกลียด ฯลฯ ลูกจะมองตัวตน (self) ของตัวเองว่าแย่ไปด้วย และไปลดทอนความมีคุณค่าในตัวเองของเด็ก จนสูญเสียความเชื่อมั่นในตัวเอง ควรตำหนิที่พฤติกรรมอย่างตรงไปตรงมาให้ชัดเจน ว่าสิ่งที่เราไม่ชอบคืออะไร เช่น พูดคำหยาบ ไม่เก็บของเล่น ไม่ทำการบ้าน กลับบ้านผิดเวลา รังแกน้อง ฯลฯ

     4. ไม่ตำหนิต่อหน้าคนอื่น จะยิ่งทำให้เด็กเสียหน้า ถือคติ “ชมบนหลังคา ด่าที่ใต้ถุน”

     5. ถามความคิดเห็นของลูก ว่าถ้าเกิดกระทำผิดซ้ำ จะให้มีวิธีตักเตือนหรือลงโทษอย่างไร

     6. พ่อแม่ต้องระมัดระวังการใช้อารมณ์กับลูก การตักเตือนลูกต้องทำอย่างเป็นมิตร หนักแน่น ไม่จำเป็นต้องเกรี้ยวกราด โมโหใส่ลูก เพราะจะทำให้กระบวนการทั้งหมดไม่ประสบความสำเร็จเนื่องจากจะเป็นการดุเพื่อระบายอารมณ์ มากกว่าที่จะใช้เหตุผลเพื่อสอนลูก

# หมอไปป์ แฮปปี้คิดส์


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์