คลายสงสัยแม่ให้นม! ทำยังไงเมื่อหัวนมแตก คุมกำเนิดแบบไหนช่วงให้นมลูก

คลายสงสัยแม่ให้นม! ทำยังไงเมื่อหัวนมแตก คุมกำเนิดแบบไหนช่วงให้นมลูก


การให้นมแม่ต้องยอมรับว่ามีอุปสรรคมากมายจริง ๆ ค่ะ แต่เชื่อว่าแม่ ๆ คงไม่ย่อท้อใช่ไหมคะ เพื่อลูกรักจะได้มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงและมีภูมิคุ้มกันโรค รวมไปถึงคุณแม่ให้นมก็มีสุขภาพร่างกายที่ดี แอบบอกว่าหุ่นฟิตแอนด์เฟิร์ม เข้าที่เข้าทางเร็วขึ้นอีกด้วยนะคะ แหม มันดีอย่างนี้นี่เอง แต่ปัญหาการให้นมแม่โดยเฉพาะปัญหาปวดอกปวดใจอย่าง หัวนมแตก ให้นมลูกไปคุณแม่บางคนแอบมีน้ำตาเอ่อล้น เพราะมันเจ็บแสบถึงทรวงใช่ไหมคะ มาดูวิธีลดอาการเจ็บหัวนม หัวนมแตกกันค่ะ

ทำยังไงเมื่อหัวนมแตก

1.ก่อนอื่นต้องเริ่มท่าให้นมที่ถูกต้อง เพราะถ้าลูกใช้ปากงับไม่ถึงลานนม งับได้เพียงแค่หัวนมรับรองระบมถึงทรวง ควรจำไว้ว่า จมูก แก้ม และคางของลูกน้อยต้องสัมผัสบริเวณเต้านม ริมฝีกปากของลูกควรแบะออกเหมือนปากปลา

2.ไม่ควรล้าง หรือเช็ดทำความสะอาดหัวนมอย่างรุนแรง หรือมากจนเกินไป งดการใช้สบู่หรือครีมทาหัวนม เพราะการล้างบ่อย ๆ จะทำให้ผิวบริเวณนมและหัวนมยิ่งแห้งและแตกง่ายยิ่งขึ้น

3.ในกรณีที่คุณแม่มีอาการคัดเต้านม ให้บีบน้ำนมออกมานิดหนึ่งก่อน เพื่อให้เต้านมนิ่มขึ้น

4.เริ่มต้นให้ลูกน้อยดูดนมข้างที่เจ็บน้อยที่สุดก่อน แต่ถ้าเจ็บทั้งสองข้างเหมือนกัน ให้คุณแม่นำผ้าชุบน้ำอุ่นมาประคบและนวดเต้านมเบา ๆ เพื่อให้น้ำนมไหลออกมา และเต้านมนิ่มขึ้น จะช่วยลดอาการเจ็บลงได้บ้างค่ะ

5.อุ้มลูกให้กระชับหน้าอกแม่ เพื่อไม่ให้ลูกงับแต่หัวนมเพราะเจ้าตัวเล็กจะอม กัดเล่น เวลาดูดนมเสร็จคุณแม่ใช้นิ้วโป้งและนิ้วชี้ค่อย ๆ คีบหัวนมออกจากปากลูก อย่าดึงออกจากปากทันที

6.หลังจากให้นมลูกเสร็จแล้วให้คุณแม่บีบน้ำนมออกมาอีกเล็กน้อย เพื่อนำมาทาบริเวณหัวนมรวมไปถึงลานนมทั้งสองข้างแต่ถ้าอยากให้ผิวชุ่มชื้นสามารถใช้ลาโนลินเพียงเล็กน้อยทาบริเวณหัวนมและลานนมได้ค่ะ

หากคุณแม่มีอาการหัวนมเจ็บแตกเป็นแผลอย่างรุนแรง คือ มีเลือดไหลซึมออกมา แบบนี้ต้องปรึกษาคุณหมอนะคะ ไม่ควรปล่อยไว้ หรือหายามาทา หายามารับประทานเองต้องให้คุณหมอเป็นผู้วินิจฉัยสั่งยา เพราะยาบางชนิดมีผลต่อทารกน้อยได้

คุมกำเนิดแบบไหนช่วงให้นมลูก

คุณแม่หลังคลอดหลาย ๆ คนคงเคยได้ยินมาว่า ช่วงให้นมลูกนั้นยังไงก็ไม่ท้อง เพราะเชื่อว่า ช่วงให้นมถือเป็นการคุมกำเนิดไปในตัว มีข้อมูลงานวิจัยทางการแพทย์มาบอกค่ะ แม่ให้นมอย่างเดียวและให้ลูกดูดอย่างสม่ำเสมอทุก 3-4 ชั่วโมง จะช่วยระงับการหลั่งฮอร์โมนที่ทำให้ผู้หญิงตกไข้ไม่สามารถตั้งครรภ์ได้ รวมไปถึงไม่มีประจำเดือนอีกด้วย

จากงานวิจัยยังบอกอีกว่าสามารถคุมกำเนิดได้คิดเป็น 95% แต่อย่าลืมนะคะว่า ยังเหลืออีก 5% ที่คุณแม่มีโอกาสท้องได้นะ ในกรณีนี้จะสามารถคุมกำเนิดหลังคลอดได้ 70 วันหลังคลอด แต่ถ้าคุณแม่คนไหนไม่ได้ให้นมแม่แล้ว หลังจากคลอด 45 วันมีโอกาสไข่ตกได้นะคะ แปลว่า คุณแม่สามารถตั้งครรภ์ได้ค่ะ

และเมื่อไรก็ตามที่คุณแม่หยุดให้นมแม่หรือให้นมแม่แต่ไม่สม่ำเสมอเหมือนช่วงหลังคลอด ร่างกายก็จะค่อย ๆ ปรับตัวกลับมามีไข่ตก คือ มีประจำเดือนเหมือนเดิม เท่ากับ คุณแม่มีโอกาสตั้งครรภ์ได้อีกครั้งการคุมกำเนิดสำหรับแม่ให้นม มีด้วยกัน 5 วิธี ดังนี้

1.ยาเม็ดคุมกำเนิด
สำหรับยาเม็ดคุมกำเนิดควรใช้ชนิดที่มี Progesterone เป็นหลัก เพราะยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดนี้จะไม่มีผลกระทบต่อการผลิตน้ำนมแม่ ยาคุมกำเนิดกลุ่มนี้มีฤทธิ์ทำให้มูกที่ปากมดลูกเหนียวข้น อสุจิไม่สามารถฝังตัวได้แถมเยื่อบุโพรงมดลูกยังฝ่ออีกด้วย ทำให้ตัวอ่อนฝังตัวไม่ได้ค่ะ ส่วนยาคุมกำเนิดกลุ่ม Estrogen และกลุ่มยาผสม ยาคุมกำเนิดกลุ่มนี้แม่ให้นมไม่ควรทานนะคะเพราะจะส่งผลให้น้ำนมแห้ง

2.ฉีดยาคุมกำเนิด

วิธีการคุมด้วยการฉีดยาคุมกำเนิดนี้ ต้องฉีดทุก ๆ 3 เดือน ผลข้างเคียงอาจจะทำให้มีเลือดออก หรือไม่มีประจำเดือน แต่มีของแถมคุณแม่บางคนอาจจะมีฝ้าขึ้นตามใบหน้า น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นอีกด้วยค่ะ

3.ฝังยาคุมกำเนิด
เป็นการคุมกำเนิดด้วยการฝังยาคุมไว้ที่ใต้ท้องแขน สามารถอยู่ได้นานถึง 3 ปี แต่การคุมกำเนิดด้วยวิธีการนี้ต้องปรึกษาคุณหมอเท่านั้นค่ะ

4.การคุมแบบใส่ห่วงอนามัย

การคุมกำเนิดด้วยการใส่ห่วงอนามัยสำหรับผู้หญิงแล้ว สามารถคุมกำเนิดได้นาน 3-5 ปีค่ะ จึงค่อยเปลี่ยนอันใหม่ แต่ต้องหมั่นตรวจห่วงอนามัยทุกเดือนและพบคุณหมอเพื่อตรวจประจำปีทุกปีด้วยนะคะ

5.ถุงยางอนามัย

การคุมกำเนิดแบบนี้ง่ายและช่วยลดความเสี่ยงตั้งครรภ์ แต่ต้องใช้ทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ และไม่มีผลกระทบกับการให้นมแต่อย่างใด สำหรับเรื่องการนับวัน หน้า 7 หลัง 7 แบบนี้คลาดเคลื่อนผิดพลาดกันมามากค่ะ ไม่แนะนำให้ใช้วิธีการนี้คุณแม่สามารถเลือกวิธีการคุมกำเนิดได้ตามความสะดวกเลยนะคะ ไว้พร้อมก่อนค่อยวางแผนมีลูกคนต่อไป เพราะดีต่อสุขภาพแม่และลูก มีลูกติด ๆ กันหัวปีท้ายปี คุณแม่บางคนจะสุขภาพทรุดโทรมมาก ยังไงต้องพยายามดูแลร่างกายให้แข็งแรงด้วยนะคะ

เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี ดาราเดลี่


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
เช็คเบอร์มือถือ คลิ๊กเลย ++
กระทู้เด็ดน่าแชร์