การออกกำลังกายในวัยเด็ก

การออกกำลังกายในวัยเด็ก

การออกกำลังกายในวัยเด็ก เพราะปัจจุบันพบว่าเด็กไทยมีปัญหาทางสุขภาพเพิ่มมากขึ้นกว่าแต่ก่อน อาจจะพบเห็นเด็กที่มีน้ำหนักตัวมากกว่าปกติ เป็นโรคที่เกี่ยวกับทางด้านภูมิแพ้ หรืออาจจะไม่สบายบ่อย ๆ จนบางทีต้องไปพบแพทย์สองครั้งสามครั้งต่อเดือน ซึ่งเหตุการณ์เหล่านี้จะเป็นตัวบอกได้อย่างดีว่าเด็ก ๆ ควรจะต้องมีการออกกำลังกาย หรือทำกิจกรรมที่เหมาะสมเพื่อจะได้ช่วยเสริมสร้างให้ร่างกายมีสุขภาพที่แข็งแรง นอกจากนี้การออกกำลังกายที่เหมาะสมยังช่วยกระตุ้นและส่งเสริมระดับพัฒนาการของเด็กทั้งทางร่างกายและจิตใจให้มีประสิทธิภาพที่ดีเหมาะสมตามวัยด้วย

การออกกำลังกายในวัยเด็ก

การออกกำลังกายในเด็กจะหมายถึง การละเล่น การเล่นเกมกลางแจ้ง รวมไปถึงกิจกรรมและสันทนาการต่าง ๆ และการเล่นกีฬาในแต่ละชนิดที่เหมาะสมตามวัย เช่น การว่ายน้ำ ขี่จักรยาน แต่หัวใจที่สำคัญสำหรับเด็ก ๆ ที่ต้องการจากการมีกิจกรรมเหล่านี้ คือความสนุกสนาน และความชอบในการร่วมกิจกรรม เพราะสาเหตุส่วนใหญ่ที่เด็กไม่อยากออกกำลังกายหรือเข้าไปมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่าง ๆ ก็เพราะไม่มีความชอบและไม่รู้สึกสนุกกับการออกำลังกาย ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่รวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้องควรจะต้องให้ความสำคัญสำหรับจุดนี้เป็นหลัก และไม่ควรที่จะเน้นในเรื่องของการเปรียบเทียบระดับความสามารถกับเด็กคนอื่น ๆ หรือให้ความสำคัญของผลแพ้-ชนะเป็นสำคัญ เพราะจะยิ่งทำให้เด็กรู้สึกกดดันและไม่รู้สึกสนุกกับกิจกรรมนั้น แต่ควรจะดูในเรื่องของความเหมาะสมตามความสามารถ ประสบการณ์และพัฒนาการมากกว่า ขณะเดียวกันเป็นการเปิดโอกาสให้เด็กได้พบเห็น เรียนรู้กับสิ่งแวดล้อมใหม่ ๆ รวมถึงได้รู้จักกับเพื่อนใหม่อีกด้วย

พญ.ดวงรัตน์ วังเกล็ดแก้ว กุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและอาจารย์ประจำสถาบันแห่งชาติเพื่อพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล แนะนำเคล็ดลับการเลือกชนิดกีฬาและการออกกำลังกาย ที่เหมาะสมกับเด็กวัย 6-12 ขวบ ว่า ในช่วงวัยเด็กเป็นวัยที่มีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว ร่างกาย จึงต้องการการเคลื่อนไหวอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง และยังช่วยผ่อนคลายความเครียดจากการเรียน หรือเปลี่ยนอิริยาบทจากกิจกรรมที่ลูกทำเป็นประจำ การเลือกชนิดกีฬาหรือท่าทางในการออกกำลังกายจึงเป็นสิ่งสำคัญที่คุณพ่อคุณแม่ควรให้ความใส่ใจและดูแลอย่างใกล้ชิด “การเล่นกีฬา ควรรักษาสมดุล และควบคุมให้อยู่ในปริมาณที่พอเหมาะไม่หักโหมจนเกินไป หรือเลือกชนิดกีฬาที่ไม่ได้มีความยากเกินสรีระ และร่างกายที่เด็กสามารถรับไหว เพราะหากหักโหมมากเกินไปอาจส่งผลให้เด็กอ่อนเพลีย เหนื่อยล้า หรือหากเด็กกำลังมีไข้ ไม่สบาย ไม่ควรให้เด็กออกกำลังกายหรือเล่นกีฬา เนื่องจากอาจเกิดผลเสียต่อร่างกายมากกว่าผลดี” กุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและอาจารย์ประจำสถาบันแห่งชาติเพื่อพัฒนาเด็กและครอบครัวแนะ



การออกกำลังกายในวัยเด็ก

การออกกำลังกายของเด็กแต่ละวัย

     อายุ 2-6 ขวบ

เด็กในวัยนี้เริ่มมีการเรียนรู้ และมีพัฒนาการพื้นฐานทางด้านการวิ่งการกระโดด (กระต่ายขาเดียว และกระโดดสองขา) การขว้าง และการรับกิจกรรมที่เหมาะสมควรจะเน้นทางพัฒนาการดังที่กล่าวมา เช่น วิ่งไล่จับ กระโดดเชือก เตะลูกบอล กลิ้งม้วนหน้า หรือการปีนป่ายเครื่องเล่น ว่ายน้ำ ขี่จักรยานโดยมีล้อช่วยการทรงตัว ขว้างรับจานร่อน หรือลูกบอล เป็นต้น สำหรับในวัยนี้ยังไม่แนะนำให้มีการออกกำลังกายที่เป็นกิจจะลักษณะ ควรจะเน้นในลักษณะของกิจกรรมที่สอดคล้องกับพัฒนาการ และความชอบของเด็ก รวมถึงความสนุกสนานที่เด็กจะได้จากการมีกิจเหล่านี้ด้วย

     อายุ 7-10 ขวบ

เด็กส่วนใหญ่ในวัยนี้จะมีพัฒนาการพื้นฐานทางด้านการเคลื่อนไหวที่ครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว อาจเริ่มให้เข้าร่วมทำกิจกรรมที่มีความซับซ้อนเพิ่มมากขึ้น โดยอาจจะเป็นกิจกรรมที่มีการแบ่งข้างเล่นกันเป็นทีม อธิบายถึงกฎกติกาอย่างง่าย ๆ ไม่ยุ่งยากจนเกินไป และควรเน้นกิจกรรมจากเดิมที่เคยเล่นอยู่ให้มีความแม่นยำมากขึ้น หรือฝึกทักษะให้ดีขึ้น เช่น เปลี่ยนจากการโยนรับลูกบอลธรรมดาให้เป็นการโยนลูกบอลให้ลงห่วงหรือตะกร้า เตะลูกบอลให้เข้าประตูหรือไกลขึ้นกว่าเดิมเป็นต้น กิจกรรมและการออกกำลังกายที่เหมาะสมสำหรับวัยนี้ ได้แก่ การขี่จักรยานโดยไม่มีล้อช่วยการทรงตัว แบดมินตัน เทนนิส ปิงปอง ยิมนาสติก แข่งฟุตบอล เป็นต้น

     อายุ 10 ขวบขึ้นไป

ด้วยวัยนี้พัฒนาการต่าง ๆ ของเด็ก และวัยรุ่นมีเพียงพอที่จะเข้าร่วมกิจกรรมได้ทุกชนิดที่เด็ก ๆ หรือวัยรุ่นสามารถเข้าร่วมได้ รวมไปถึงกิจกรรมหรือการออกกำลังกายที่ยุ่งยากซับซ้อน และการแข่งขันในกีฬาประเภทต่าง ๆ ซึ่งในวัยนี้การออกกำลัยกายที่เป็นกิจจะลักษณะสามารถทำได้ แต่จะต้องเหมาะสมกับความสามารถ และเน้นในเรื่องของข้อควรระวังและความปลอดภัยเป็นหลัก โดยเฉพาะการออกกำลังกายในลักษณะ aerobic exercise และ resistance training

นอกจากการออกกำลังกายแล้ว คุณพ่อคุณแม่ก็ไม่ควรลืมเรื่องอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการให้กับลูกด้วย อาหารเช้าจะเป็นอาหารมื้อที่สำคัญเพราะจะทำให้เด็กได้รับสารอาหารครบถ้วน


เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์