5 สัญญาณที่บ่งบอกว่าลูกคุณเป็นเด็กสปอยล์ และวิธีการแก้ไข

5 สัญญาณที่บ่งบอกว่าลูกคุณเป็นเด็กสปอยล์ และวิธีการแก้ไข

เรามี 5 สัญญาณในการสังเกตลูกว่าเริ่มเป็นเด็กถูกตามใจจนเกินไปหรือเด็กสปอยล์แล้วรึยัง ถ้าพบว่าใช่ล่ะก็… คุณพ่อคุณแม่ต้องใส่ใจลูกให้มากขึ้น และรีบปรับเปลี่ยนวิธีการเลี้ยงก่อนที่จะสายเกินไปค่ะ

      1. “ฉันอยากได้เดี๋ยวนี้”

เมื่อเด็ก ๆ ไม่มีความอดทนรอคอยอะไรแม้เพียงแวบเดียว ว่าแต่จะโทษเด็ก ๆ ก็ไม่ได้ ในเมื่อเราอาศัยอยู่ในโลกสำเร็จรูปที่รวดเร็วปานนิ้วคลิก และบ่อยครั้งที่พ่อแม่อย่างเราพบว่า เรากลัวที่จะปฏิเสธความต้องการของลูก เพราะลูกคุ้นเคยแต่คำว่า “ได้จ้ะ” มาตลอด สิ่งที่ควรทำคือ หัดพูดคำว่า “ไม่” กับลูกบ้าง ในบางเวลา เพื่อให้ลูกรู้ว่าเขาเองก็ต้องเรียนรู้จักการถูกปฏิเสธเช่นกัน และสอนให้ลูกรู้จักรอคอย

      2. ฉันไม่อยากเหนื่อยเพื่อให้ได้สิ่งนั้นมา

“ไม่ทำ!” “หนูขี้เกียจ” “แม่ทำให้สิ” ทำไมต้องเหนื่อยพยายามให้ได้สิ่งนั้นมาด้วย ในเมื่อยังไงแล้วพ่อแม่ก็จะหาสิ่งนั้นมาให้ฉันได้อยู่ดี ซึ่งก็จะเป็นการบ่มเพาะความขี้เกียจ เหมือนสุภาษิต “เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ” คือการทำอะไรเองไม่เป็นซักอย่าง เพราะพ่อแม่ส่วนมากมักจะให้อะไรกับลูกโดยที่ลูกไม่ต้องเหน็ดเหนื่อยหรือทำงานอะไรเพื่อให้ได้สิ่งนั้นมาเลย สิ่งที่พ่อแม่ควรทำก็คือ ฝึกลูกตั้งแต่เล็ก ๆ ให้ช่วยงานบ้านเล็ก ๆ น้อย ๆ หรือช่วยงานอื่น ๆ ที่พอจะทำได้ตามอายุของลูก แลกกับสิ่งที่ลูกอยากได้ อธิบายให้ลูกเข้าใจว่า การทำงานเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต คนขยันทำงาน มานะพยายาม ถึงจะได้สิ่งที่ต้องการ

    3. ฉันไม่จำเป็นต้องเก็บกวาดความวุ่นวายที่ฉันทำ

เป็นความคิดของเด็กหลายคนสมัยนี้ที่น่ากลัวมากทีเดียว ในวัยเด็กเขาอาจทำบ้านเกะกะรกรุงรัง แล้วไม่เก็บกวาดให้สะอาดเรียบร้อย แต่เมื่อโตขึ้นเขาอาจถึงขั้นทำอะไรก็ได้ที่อันตรายกับคนในสังคม ด้วยความคิดว่าไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบสิ่งที่ตัวเองทำ สิ่งที่พ่อแม่ควรทำคือ สอนและทำให้ลูกดูว่า เมื่อใดที่เราสร้างความวุ่นวายอะไรขึ้นมา เราเองนั่นแหละที่เป็นคนต้องรับผิดชอบสิ่งนั้น

    4. ฉันต้องการมันเพราะใคร ๆ ก็มี

ความคิดนี้เป็นเรื่องยากสำหรับพ่อแม่ เพราะการที่เด็กคนอื่น ๆ มี และลูกอยากมีบ้าง นั่นคือลูกอยากได้รับการยอมรับในหมู่เพื่อน อยากตามกระแสสังคม ซึ่งบางสิ่งก็อาจเป็นสิ่งฟุ่มเฟือย ไม่จำเป็น สิ่งที่ควรทำคือ อธิบายให้ลูกเข้าใจว่า ลูกไม่จำเป็นต้องมีทุกอย่างเหมือนที่เพื่อนมี แต่ควรดูความจำเป็นและเหมาะสมมากกว่า เพราะเงินไม่ได้หามาได้ง่าย ๆ เราจึงควรใช้เงินอย่างรู้ค่า ยังมีคนอีกมาก เช่นในประเทศที่ยากจนมาก พวกเขาไม่มีแม้ข้าวจะกิน นับประสาอะไรกับข้าวของฟุ่มเฟือย ไม่ต้องพูดถึงเลย

    5. ฉันหวังว่าพ่อแม่ต้องแก้ปัญหาทุกอย่างให้ฉัน

ซึ่งก็กลายเป็นว่าลูกจะทำผิดพลาดอะไรก็ได้ไม่เป็นไร แต่จะมีพ่อแม่คอยช่วยเหลือแก้ปัญหาให้อยู่ตลอดเวลา สิ่งที่ควรทำคือ สอนลูกว่าพ่อแม่ไม่ได้อยู่กับลูกไปตลอดชีวิต ลูกต้องหัดช่วยเหลือดูแลตัวเอง เติบโตและรับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองทำลงไป


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์